[ NC BeeCris ] - Hunter's Poison


Special end from Hunter's Poison
Yours
(Bee x Cris)






เพลงประกอบ
A Thousand Years - BILLbilly01 ft. Pla Suchaya





นกน้อยพากันบินกลับรัง  ผ่านกลุ่มเมฆขาวขอบขลิบทอง  สีเหลืองอ่อนและแสดเสมือนจิตรกรลงพู่กันแต่งแต้มบนผืนฟ้า  แก้วตาสีนิลประกายมองภาพท้องฟ้ายามเย็นที่อาบด้วยแสงอาทิตย์อันอบอุ่น  มันเป็นช่วงเวลาของท้องฟ้าที่ศิรินชอบมากกว่าเวลาไหนๆ  ชอบมากกว่ายามกลางคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวเสียอีก

“บีคิดถึงคริสมั้ย”  ศิรินถาม  ตั้งแต่ที่เจอกันที่สถานีรถไฟทั้งคู่ต่างก็เสียน้ำตาไปมาก  ศิรินไม่บอกน้ำทิพย์ว่าเธอหายไปไหน  หรือบอกว่าทำไมเธอเพิ่งกลับมาตอนนี้  สาวตัวเล็กเอาแต่ยิ้มจนตาปิดด้วยความดีใจที่ได้พบใบหน้าสวยคมที่เธอคิดถึงสุดหัวใจอีกครั้งหนึ่ง  พวกเธอสวมกอดกันทั้งน้ำตา  จนมาถึงตอนนี้น้ำทิพย์และศิรินก็ยังคงสะอื้นฮัก  พวกเธอจูงมือกันขึ้นมาบนดาดฟ้าของหอพักนักเรียน  ที่เดิมที่พวกเธอเคยนอนเล่นด้วยกันเป็นประจำเมื่อครั้งยังเยาว์วัย

“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ  บีก็ต้องคิดถึงคริสสิ  คิดถึงจนจะบ้า  คิดถึงมาก...จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!  น้ำทิพย์สลัดมือที่เกาะกุมมือของเธอออก  ริมฝีปากบางบูดเป็นเป็ด  เธอเดินไปที่ระเบียงดาดฟ้า  สองแขนเท้ากำแพงหินที่สูงระดับเอว

ศิรินหัวเราะกับพฤติกรรมที่เรียกว่า งอน เบาๆของนางพญาผึ้ง  ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้มีโอกาสเห็นบ่อยนัก 

แขนขาวผ่องสอดผ่านเอวบางของสาวผิวแทน  พร้อมกับใบหน้าใสที่วางคางมนบนไหล่   

“คริสก็แค่ถาม...เผื่อว่าบีจะมีคนอื่นให้คิดถึงไปแล้วไง”  

“คริส!!”  น้ำทิพย์หันขวับมาหาคนตัวเล็กทางด้านหลัง  ริมฝีปากเบะออกอีกครั้ง  “ครั้งสุดท้าย..ตอนนั้นน่ะ...คริสยังคิดว่าบีจะสามารถคิดถึงใครนอกจากคริสได้งั้นหรอ”

ดวงตาเล็กโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว  เธอเขย่งปลายเท้า  ฉวยโอกาสหอมแก้มนวลของคนขี้โมโหในตอนที่หล่อนหันมา

“คริสก็แค่แหย่บีเล่นเอง...ไม่โกรธนะ”

น้ำทิพย์โกรธคนหน้าใสไม่ลง  ไม่รู้ว่าศิรินไปเอาความขี้แกล้งขี้แหย่นี่มาจากไหน...หรือบางทีหล่อนอาจจะเอามาจากเธอ?  โถ่ถัง  น้ำทิพย์

หน้าลูกหมาง้อด้วยตาปริบๆกับดวงหน้าใสซื่อนั่น...ทำเอาน้ำทิพย์ต้องยอมคลายปากเป็ด  เธอหันมาเผชิญหน้ากับอีกคนเต็มตัว  รวบร่างเล็กไว้แนบอก

“ทำไมถึงจากบีไป...”  เธอวางหน้าผากลงบนไหล่ขาว  เธอไม่เข้าใจ  ตลอดเวลาที่ผ่าน  ถ้าคริสยังมีชีวิตอยู่  ทำไมหล่อนถึงเลือกเดินจากเธอไป

ศิรินลูบเรือนผมของคนตัวสูงที่โน้มตัวโอบกอดเธออยู่  หยาดน้ำตาของหล่อนร่วงกระทบไหล่ของเธอ

“บีขี้แย...เพิ่งจะหยุดร้องไห้ขี้มูกโป่ง  นี่จะร้องไห้อีกแล้วหรอ..”

“ตอบคำถามบี...” 

ศิรินชะงัก  รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า  และดวงตาที่เปล่งประกายดั่งแสงตะวันกลายเป็นถูกบดบังด้วยม่านหมอก

“.....ก็ได้” 

น้ำทิพย์ผละออกจากศิริน  จับหัวไหล่ของหล่อน  พยายามที่จะสบตาแต่คนตัวเล็กกลับก้มหน้า

ศิรินรู้ดี  รู้ดีว่าน้ำทิพย์เคยพูดว่า  เกลียดการเสียสละที่เห็นแก่ตัว’  เธอจึงถ่วงเวลา  ไม่อยากบอกความจริงไป  แต่เธอคงยื้อต่อไปไม่ได้

“เช้าวันนั้น...คริสตื่นก่อนบี  คริสยังอยู่ที่นั่น  ในห้องนั้น  ไม่ได้หายไปไหน  แต่ว่า...ร่างกายของคริสอยู่ในสภาพชรา  เหมือนคืนก่อนหน้านั้น”  ศิรินเอ่ยเสียงแผ่ว  ค่อยๆเงยหน้าสบตาน้ำทิพย์  “ตอนที่คริสถามบีว่า  ถ้าเกิดว่าคริสเป็นยายแก่ตลอดไปล่ะ  บีจะทำยังไง  บีจำได้มั้ยว่าบีตอบคริสว่าอะไร”

“...บีจะดูแลคริส”  น้ำทิพย์จำมันได้  แน่นอน  เพราะถ้าหากวันนั้นเป็นวันนี้  เธอก็จะเลือกตอบเช่นเดิม

 “ใช่..”  ศิรินคลี่ยิ้มอ่อนโยน  แววตาเปี่ยมไปด้วยความซึ้งใจและสุขใจขณะที่เห็นความจริงใจฉายชัดในแก้วตาของคนตัวสูง  “เพราะอย่างนั้น  คริสถึงได้จากบีไป”

น้ำทิพย์ขมวดคิ้ว

“หมายความว่า  คริสไม่อยากให้บีดูแล..ไม่อยากอยู่กับบีหรอ..”

“ไม่ใช่..  คริสอยากอยู่กับบี  อยากให้บีดูแล  แต่ว่าคริสน่ะ..ไม่อยากให้บีเสียเวลาทั้งชีวิตดูแลยายแก่ๆคนนึงหรอกนะ”  ศิรินเอ่ยความจริงออกไป  ในวันนั้น...เธอตัดสินใจเดินออกจากห้องของน้ำทิพย์  และเดินออกจากชีวิตของน้ำทิพย์  เพราะไม่อยากจะเป็นตัวถ่วง  ที่ฉกชิงความสุขในวัยสาวของน้ำทิพย์  ในขณะที่เธอเป็นเพียงผู้หญิงแก่คนหนึ่ง  ที่ไม่มีแรงแม้จะเดินไปทำธุระส่วนตัวของตน....หัวใจของเธอแตกสลาย...แต่...


เธอไม่อยากเป็นสิ่งสิ่งนั้น  ในชีวิตของบี...


เธอไม่อาจทนเห็นบีคอยดูแลเธอเหมือนกับหลานเลี้ยงยาย  และจมอยู่ในความทุกข์ขณะที่เห็นเธออยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้..


ดังนั้น...เธอจึงเลือกที่จะไป...


น้ำทิพย์ตกตะลึงเมื่อได้ยินความจริงนั้น  เสียงของศิรินในคืนนั้น  ก่อนที่เธอจะลืมตาตื่นจากห้วงนิทรา

บี...คริสรักบีนะ


นั่นอาจเป็นคำพูดบอกลาสุดท้ายของคนตัวเล็ก  ก่อนที่หล่อนจะเลือกเดินออกจากห้องไป...


“อีกแล้วหรอ...”  น้ำทิพย์เปล่งเสียงตัดพ้อแผ่วเบา  “แปลว่า..คริสตัดสินใจทำร้ายตัวเองเพื่อบีอีกแล้ว...ทำไม..ทำไมกันคริส...”  น้ำใสๆเอ่อท่วมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของนางแบบสาว  “คริสรู้มั้ย...ว่าบีไม่อยาก...บีไม่อยากเป็นคนที่ทำให้คริสตัดสินใจทำร้ายตัวเอง...บีไม่เคยอยากให้คริสทำแบบนั้น...ไม่อยากเลย..”

น้ำตาหลั่งออกจากหัวใจที่ถูกบีบรัด  ขอบตาร้อนผ่าว  ศิรินสวมกอดร่างสูง  มือหนึ่งลูบไล้ใบหน้าของหล่อน  นางพญาที่แสนสง่ายามร้องไห้ก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง...ที่มีหัวใจ  และเจ็บปวดเป็น

เจ็บเหลือเกิน...

ศิรินเจ็บแทนความรู้สึกของน้ำทิพย์  เธอรู้ว่าบีไม่อยาก...เธอเองก็ไม่เคยอยากจะจากบีไปเลยสักครั้ง...แต่หัวใจของเธอขอเลือกที่จะให้ทั้งหล่อนและเธอเจ็บปวดดีกว่าให้เธอเป็นฝ่ายได้รับความสุขบนความทุกข์ของบี...

“เพราะ...”  ศิรินประคองใบหน้าของน้ำทิพย์ให้โน้มลงมาใกล้  ค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนเชอร์รี่หอม  รสชาติของผลไม้และริมฝีปากที่เธอชอบมากที่สุด

ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ประทับลงมา  ให้ความรู้สึกมากมายเกินพรรณนาได้  น้ำทิพย์รู้สึกถึงความหวาน...ความขม...ความคิดถึง...ความเจ็บปวด...และความรัก...

น้ำทิพย์จุมพิตตอบกลับกลีบปากกลิ่นลิลลี่อย่างอ่อนโยน  น้ำตาอีกสายไหลลงจากขอบตา  ความรู้สึกทั้งหมดที่มีระหว่างสองดวงใจถูกถ่ายทอดผ่านการสัมผัสของริมฝีปาก  มันทั้งเจ็บปวดแต่สุขใจ...มันช่างปวดร้าวแต่งดงาม

ทุกการกระทำของศิรินถูกบังคับให้ไปตามทางที่ศิรินจ่อมีดใส่หัวใจและสั่งให้มันเดิน  หล่อนไม่เคยอยากให้ตนเองเป็นคนที่ทำร้ายน้ำทิพย์  เช่นเดียวกับที่น้ำทิพย์ไม่อยากให้หล่อนทำร้ายตัวเอง...แม้ว่าศิรินจะต้องทนเจ็บปวดกับความรู้สึกที่ตามมามากแค่ไหนก็ตาม...ศิรินยอม 


ก็แค่...ไม่อยากเป็น...คนที่ไร้ประโยชน์...


ก็แค่...อยาก..ให้บีมีความสุข...มีคนดูแล...แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่เธอ..


ความรู้สึกล้นหลามจากดวงใจน้อยๆของศิรินถาโถมอยู่ในห้วงอารมณ์หอมหวานของรสจูบ  ทำเอาน้ำทิพย์ตัวสั่นสะท้าน 

ศิรินเปิดเปลือกตาและได้เห็นบางสิ่งในดวงตาของน้ำทิพย์  เธอเห็นเงาของผู้หญิงเพียงคนเดียวในแก้วตานั้น  และรับรู้ถึงความรู้สึกผ่านรสจูบของหล่อนเช่นกัน  หยดน้ำใสๆไหลลงจากดวงตาคู่เล็ก  เจ็บปวด...และมีความสุขเหลือเกิน...ที่จนถึงวันนี้....น้ำทิพย์ก็ยังคงรักเพียงแต่เธอ...


ที่ผ่านมา...เธอเอาแต่ทำให้บีเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย...


“คริส..ขอโทษ..”  เธอปล่อยโฮออกมา  เงาสะท้อนของผู้หญิงเพียงคนเดียวในดวงตาและดวงใจของน้ำทิพย์คือเธอ  “คริสมันเห็นแก่ตัว...ที่สุด..”

น้ำทิพย์ไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไร  จริงอยู่  ศิรินเห็นแก่ตัวที่การตัดสินใจเดินจากไปหลายครั้งหลายคราของหล่อนทำให้ทั้งเธอและหล่อนต้องทนรับความทรมานมากกว่าที่มันควรจะเป็น ...แต่ทั้งหมด  เจตนาของศิริน  มีเพียงแต่ความหวังดี  ที่ปรารถนาให้เธอมีความสุข  หลุดพ้นจากความทุกข์ที่ตนเป็นสาเหตุ

น้ำทิพย์กดศีรษะของศิรินแนบกับใบหน้าของตนมากขึ้น  เธอเคลื่อนไปจุมพิตพวงแก้มขาวที่มีหยดน้ำตาประทับอยู่  ตามด้วยหน้าผาก  ความรู้สึกสงสารและรักนกน้อยตัวนี้มีมากจนล้นหัวใจ...

“คริส...”  ศิรินเอ่ย  “คริสอยากคืน..ของของบี”

น้ำทิพย์ชะงัก

“ได้โปรด...ให้คริสคืนมันให้บีสักที  คริสไม่อยากเป็นขโมยอีกแล้ว”

หัวใจของน้ำทิพย์บีบรัดจนปวดระงม  เธอกัดฟัน  รู้สึกโกรธตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ

“คริสไม่เคยเป็นขโมย...บีขอโทษ  บีผิดเองที่เคยว่าคริสแบบนั้น  ที่เข้าใจคริสผิดมาตลอด”

ศิรินยิ้มอย่างอ่อนโยน

“บีไม่ผิดเลย...บีแค่ไม่เข้าใจ  บีแค่ไม่รู้เรื่องทั้งหมด...คริสไม่เคยโทษบี  แต่คริสเป็นขโมยจริงๆ...แม้ว่าคริสจะไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น”  น้ำเสียงของศิรินเต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่นและรู้สึกผิด  ขมขื่น...ที่รู้สึกเจ็บทุกครั้งที่คนที่เธอรักคิดว่าเธอตั้งใจขโมยมันไป  แต่เธอรู้ดี...รู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์โกรธบีได้ทั้งหมด  เพราะสิ่งที่เธอทำ  ก็ไม่ต่างจากการเป็นขโมยจริงๆ

และศิรินรู้สึกผิด...ทั้งกับตัวเองและกับบี  สิ่งที่อยู่กับเธอ...มันเป็นของของบี  เป็นสิทธิ์พิเศษของบี  ไม่ว่าเธอจะอยากได้มันมากแค่ไหน—ถึงแม้จะไม่เคยคิดแย่งจากคนตรงหน้า—มันควรเป็นของบี  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา  เธอไม่สมควรมีโอกาสได้ใช้พลังจากรอยสักเพชฌฆาตโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่แท้จริงของมัน  

“เพราะอย่างนั้น...ขอให้คริสรู้สึกผิดน้อยลง  ด้วยการคืนมันให้บีได้มั้ย”

น้ำทิพย์กลืนคำปฏิเสธลงคอไป  เธอคิดว่าหากเธอคิดเรื่องจะเอารอยสักคืนจากคริส  อีกคนคงจะเกิดความคุกรุ่นในใจและอาจจะหนีจากเธอไปอีกครั้งก็เป็นได้  แต่ศิรินกลับขอให้เธอนำมันคืนไป  และยอมรับแต่โดยดีว่าหล่อนเป็นขโมยจริงๆ

น้ำทิพย์กัดฟัน  น้ำตาร่วงเผาะลงบนฝ่ามือที่กุมมืออีกคนไว้  เธอพยักหน้าตกลง


เธอควรจะดีใจ...มากกว่านี้  ที่จับตัวหัวขโมยได้  และกำลังจะได้รอยสักเพชฌฆาตคืน...แต่กลับเจ็บ...และที่เจ็บขนาดนี้  ก็เพราะว่าที่หล่อนเอามันไปจากเธอในวันนั้น...เพราะหล่อนรักเธอ...ไม่ใช่เพราะอยากขโมยมันไปจากเธอ...


และวันนี้...หล่อนกำลังจะคืนเธอ  ด้วยความรักเช่นกัน


ศิรินพรมจุมพิตลงบนลำคอของคนตัวสูงอย่างอ่อนโยน  มือหนึ่งกุมมือของน้ำทิพย์ไว้  และอีกมือปลดเปลื้องอาภรณ์ของตน


สายลมที่ปะทะผิวพรรณเนียนละเอียดไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างรู้สึกหนาวเมื่อเธอหยิบมือที่เธอกุมอยู่ให้วางลงบนปทุมถันงาม...


สายลมที่ปะทะผิวผ่องไม่ได้ทำให้หล่อนสั่นสะท้านได้เท่ากับสัมผัสและสายตาที่นางพญาคนงามกำลังมอบให้...


ศิรินปล่อยเสียงครางแผ่วเบาเมื่อน้ำทิพย์สัมผัสร่างกายของเธออย่างเบามือ  จากเนินอกอวบอิ่ม  ไปที่ยอดอกสีชมพู  ลงมาที่เอวคอดกิ่ว  สะโพกงามงอน...

น้ำทิพย์ประทับจุมพิตลงบนความงามของดอกไม้  ค่อยๆโลมเลียด้วยความรักความถนอม 

ศิรินคราง  สูดหายใจเข้าลึก  จับกลุ่มผมของน้ำทิพย์เป็นที่ระบายความสุขสม  เธอทิ้งศีรษะไปทางด้านหลัง  ปล่อยให้หัวใจเต้นระรัวขึ้นเรื่อยๆ  จนมันเต้นแรง...อย่างที่เธออยากให้มันเป็น

เธอเปิดเปลือกตา  มองท้องฟ้าที่อยู่ตรงหน้า  ไกลออกไป...


น้ำทิพย์เป็นท้องฟ้าของเธอ  และกำลังโอบอุ้มนกน้อยทยานสู่ท้องฟ้าไปไกลแสนไกล...
.
.

.

ศิรินนอนตะแคงข้าง  พิงลำตัวของน้ำทิพย์  ทั้งสองมองดูดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า

“ก่อนหน้านี้  คริสไปอยู่ที่ไหนมาคะ”  น้ำทิพย์ถาม  นิ้วเรียวม้วนเส้นผมสีดำสนิทของศิริน

“...หลังจากที่คริสไป...คริสไปอยู่ที่ชายป่า  ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่”

“อะไรนะคะ!?  ทำไมถึงไปอยู่ในป่าอย่างนั้นล่ะ  ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไง  ใครจะมาช่วยคริสได้”  น้ำทิพย์รู้สึกเหลือเชื่อกับความงี่เง่าของศิรินอีกแล้ว  คนแก่อายุมากขนาดนั้นไม่ควรอยู่ตามลำพัง  หล่อนไม่รู้หรือไง

ศิรินรีบเอ่ยต่อ

“นอกจากจะใกล้ป่าแล้ว  ยังใกล้ตลาดด้วยนะ  ใกล้ๆสถานีรถไฟนั่นล่ะ” 

น้ำทิพย์จ้องศิรินอย่างไม่ไว้ใจ  โกหกให้เธอสบายใจรึเปล่าเนี่ย

“ที่คริสเลือกอยู่ตรงนั้นน่ะ...เพราะว่าคริสอยากจะอยู่ใกล้ๆบี...”  ประโยคเรียบๆของคนเสียงแหบทำเอาน้ำทิพย์ลืมหายใจ  “ถ้าวันหนึ่งคริสจะต้องแก่ตายไปอย่างสงบ  คริสอยากจะเห็นบีก่อนที่คริสจะไป”


บ้าจริง...น้ำตานี่มันเอ่อขึ้นมาอีกแล้ว



น้ำทิพย์สวมรัดวงแขนรอบคนตัวเล็กแน่น



“บีรู้มั้ย...ตอนแรกน่ะ  คริสคิดว่าคริสคงไม่มีโอกาสได้กลับมาในชีวิตบีอีกแล้ว  คริสเกือบจะตายอย่างสงบเพียงลำพัง...”  ศิรินลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของน้ำทิพย์เบาๆ  “แต่ที่คริสกลับมาได้  และกลับมาอายุเท่านี้อีกครั้ง...ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณบีน่ะแหละ”

“ขอบคุณบี..?  คริสหมายความว่ายังไง”  น้ำทิพย์รู้สึกฉงน  เธอมองศิรินอย่างไม่เข้าใจ

“ตอนที่คริสรู้สึกหมดแรง  รู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้... คริสนอนหลับอยู่บนเตียง  ฝันว่ากำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืด  และได้ยินเสียงน้ำตก  บางอย่าง...ทำให้คริสรู้ว่าคริสกำลังเดินทางไปสู่ปากทางนรก...กำลังจะได้รับการพิพากษา”

“...”

“แต่แล้วกลับมีชายคนหนึ่งมาหยุดคริสไว้  เขาบอกว่าเขาติดค้างบีที่เคยช่วยลูกของเขา  และบียังติดค้างเขาอยู่เรื่องหัวใจของบี”

เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย  น้ำทิพย์คลี่ยิ้มออกมา  ก่อนจะหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา  มันเป็นตลกร้ายที่แฝงด้วยความใจดีของเขาขอบคุณมากนะคะท่านจ้าว

“...หลังจากนั้น  คริสก็ตื่นขึ้นมา  และร่างกายก็ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม”  ศิรินเล่าต่อ  เธอใช้นิ้วหัวแม่มือลูบกลีบปากนุ่มละมุนที่ประดับด้วยรอยยิ้มของน้ำทิพย์  “พอคริสแน่ใจว่าคริสกลับมาอายุเท่าเดิมอีกครั้ง  คริสก็รีบวิ่งมาหาบีเลย”  เธอโน้มศีรษะเข้าหาอีกคน  แลกเปลี่ยนความหวานของดอกลิลลี่กับเชอร์รี่อีกครั้ง  

“คุณคนนั้นเค้าเป็นใครหรอบี”  ศิรินถามหลังถอนจูบ

น้ำทิพย์หัวเราะ  บอกกับคนตัวเล็กว่าไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง  ศิรินอมยิ้มก่อนเคลื่อนนิ้วซุกซนลงไปที่ท่อนล่างของนางพญา  เธอกดนิ้ว  นางพญาหันมามองค้อนใส่คนหน้าอ่อนเยาว์

“บอกตอนนี้ไม่ได้หรอ”  ศิรินถาม

“ไม่ด้ายยยยย”  น้ำทิพย์แกล้งอุบอิบไม่ยอมตอบ

ศิรินขยี้นิ้วลงแรงกว่าเดิม

“ฮะ...อ๊าาา  คริสคะ!”  น้ำทิพย์ดุ  “อึอื๊อออ”  แต่ศิรินไม่ยอมหยุด  แต่กลับลงแรงขยี้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ปราณี  พลางหัวเราะคิกคัก

น้ำทิพย์เสียวและทนความน่าหมั่นเขี้ยวของอีกคนไม่ไหว  เธอกดร่างน้อยให้นอนหงายกับพื้น  ก่อนกระโดดตะครุบร่างของหล่อน

ศิรินค่อยๆหยุดเสียงหัวเราะใส  สบตาปริบๆกับนางพญา

น้ำทิพย์ลูบไล้ต้นขาขาวของคนตัวเล็กไปมา  ก่อนจับมันพาดขึ้นบนสะโพกทางด้านซ้ายของเธอ  และพาดเรียวขาขวาของตนทับสะโพกของหล่อน

ศิรินแตะนิ้วชี้ที่สันจมูกที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำทิพย์  เธอรักสันจมูกนี้...  

ขยับลงมาที่สันกราม  ตรงนี้ก็รัก...

ลงมาที่หน้าอกแบนๆ  แต่แบนยังไงเธอก็รัก...

            เธอเลื่อนมือไปสัมผัสรอยสักเพชฌฆาตที่ขาอ่อนของหล่อน  รู้สึกภูมิใจ...ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนช่วยให้หล่อนตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินนี้  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น  ไม่ว่าจะดีหรือไม่...ศิรินไม่เคยเสียใจที่บีตัดสินใจเป็นเพชฌฆาต


เพราะยังไง...บีก็ยังเป็นบี...


และเธอก็ยังคงรักบีเสมอไม่เปลี่ยนแปลง


น้ำทิพย์เริ่มสะบัดสะโพกเบาๆ  กัดริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ขณะที่ได้ยินเสียงร้องครางที่ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆของศิริน  ศิรินเองก็เคลื่อนไหวร่างกายตอบรับความต้องการของอีกคน  เสียดสีเกสรงามเข้าด้วยกัน  แลกเปลี่ยนความสุขสมและอารมณ์วาบหวาม... 

ทั้งสองมอบจุมพิตให้แก่กันขณะที่ประสานจังหวะของร่างกาย  เสียงครวญครางของทั้งคู่ดังก้องผืนนภาเหนือดาดฟ้าที่เป็นเสมือนอาณาจักรเล็กๆของพวกเธอ 

ศิรินบิดกายเร่า  สองมือเกาะเกี่ยวลำคอระหงส์ของน้ำทิพย์เป็นที่ยึดเหนี่ยว  ศีรษะผงกตามแรงผลักดันของสาวผิวแทนที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างยั่วยวนอยู่เหนือร่าง  เร่งสะบัดสะโพกใส่สะโพกของเธออย่างรัวเร็ว  รุนแรง  โหมพัดพายุแห่งความแสบเสียว  สุขสันต์ให้จนนกน้อยบินมาถึงสวรรค์ 

ร่างกายของคนผิวใสกระตุกเกร็งอย่างหนัก  เธอร้องเรียกชื่อคนรักอย่างบ้าคลั่ง  น้ำทิพย์เองก็ทั้งกรีดร้องทั้งหอบหายใจ  ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายไม่หยุดหย่อน  เกสรของกุหลาบงามเสียดสีจนน้ำหวานของกุหลาบป่าและลิลลี่หลั่งไหลออกมาผสมผสานกัน

น้ำทิพย์ทิ้งร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อลงบนอกนุ่มของศิริน  เธอดูดดื่มมันขณะที่ศิรินหอบหายใจรุนแรงราวกับขาดออกซิเจนมานาน  น้ำทิพย์ปลดริมฝีปากจากยอดปทุมถันและมอบออกซิเจนให้ศิริน  คนตัวเล็กตอบรับอีกคนด้วยการส่งลิ้นร้อนเข้าเกี่ยวพันด้วยความรักใคร่...

น้ำทิพย์ยังมีอีกหนึ่งคำถามที่คาใจ  เธอเชยคางมนของศิรินและถามอย่างจริงจัง

“คริสคะ...บีมีคำถามที่อยากรู้มานานแล้ว...คริสตอบบีได้มั้ย”

“...ได้”  ศิรินผงกศีรษะ  ตอนนี้ระหว่างเธอกับหล่อน  ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ  หรือติดค้างคาใจกันอีก  เธอพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างที่น้ำทิพย์ต้องการจะรู้ 

“ทำไม...”  น้ำทิพย์ไม่รู้ว่าควรจะถามยังไงดี  แต่ก็ถามออกไป  “รอยสักสีขาวนี่...”  เธอชี้ที่หน้าท้องของหญิงสาวใต้ร่าง  “ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา...ทำไมมันถึงยังอยู่กับคริส”  ประโยคสุดท้ายแผ่วเบา

ศิรินก้มลงมองที่รอยประทับรูปงูบนหน้าท้อง  ก่อนเงยหน้ามองน้ำทิพย์  เธอยิ้ม

“ก็คริสตั้งใจจะเก็บมันไว้เพื่อคืนบีสักวัน...ไม่มีวันให้ใครนอกจากบี”

ความอบอุ่นประหนึ่งสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิและเข้าโอบล้อมรอบดวงใจของนางพญา  ผู้หญิงคนนี้...แม้ว่าจะรู้ว่าเราอาจไม่มีวันคืนดีกัน  เราอาจไม่มีวันได้นั่งอยู่ข้างกันแบบวันนี้...แต่หล่อนก็ยังคงมีเพียงเธอเสมอ...ทั้งกาย...และใจ...


ศิรินทำไมถึงได้ทั้งน่ารักและโง่เง่าขนาดนี้...



“ศิรินคนโง่!”  



นี่คิดจะรอบีคนเดียวทั้งชีวิตเลยใช่มั้ย...


น้ำทิพย์กดจูบลงบนกลีบปากของศิรินอีกครั้งอย่างหนักหน่วงบ้าคลั่ง  หล่อนคิดจะทำให้เธอโมโหทุกครั้งที่พูดคำหวานออกมาเลยหรือยังไงกันนะ! น้ำทิพย์คิดอย่างไม่พอใจ  แต่ทว่าในใจกลับมีความสุขอย่างท่วมท้น  

เธอบอกกับตนเอง...เธอจะต้องทำตัวให้สมกับที่หล่อนให้ค่าเธอไว้  จะเป็นคนรักที่ศิรินภูมิใจ  จะไม่มีวันทำให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจอีก...ต่อจากนี้จะมีเพียง รัก...รัก...และรัก...


...จะถนอมดอกลิลลี่ที่แสนบริสุทธิ์นี้ไว้แนบกาย...



ต่อจากนี้...จะไม่มีใคร  หรืออะไร  มาพรากพวกเธอไปจากกันอีกแล้ว...


เธอทั้งคู่จะเป็นของกันและกัน...และจะดูแลกัน...ดั่งเช่นปักษาน้อยและนภากว้างใหญ่...ที่อยู่เหนือเราสองในตอนนี้...


ตลอดไป...




_____________________________________
อ่านฟิคเรื่องนี้ >>> Hunter's Poison

THE DAG 
#ฟิคเพชฌฆาต





[ NC KadePrang ] - Hunter's Poison

°      °      °      °     °
 M I L F 
°      °      °      °     °

[NC]  Hunter’s Poison  Chapter  22


Lukkade x Maprang





ยังไม่กลับได้มั้ยคะ”  มะปรางเม้มริมฝีปาก  กอดคนผิวแทนไว้ในวงแขน  รั้งไม่ให้หล่อนลุกขึ้น  หนูอยากอยู่ที่นี่ก่อนแป๊บนึง.. อยากนั่งตักแม่ก่อน...ได้มั้ยคะ” 

เมทินีตามใจเด็กสาว  ไม่ปฏิเสธว่าเธอเองก็อยากให้มะปรางหย่อนตัวลงบนตักของเธอเหมือนวันวาน

มะปรางหันข้าง  ค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งบนหน้าขาของสาวใหญ่ที่มีตักนุ่มและอุ่น  บรรจงซบศีรษะลงบนไหล่ของหญิงสาว  ขยับไปมาเพื่อหาจุดที่หนุนแล้วสบาย  จมูกของเธอชนกับซอกคอที่หอมกรุ่น เธอหลับตาลงช้าๆ

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง... ขณะที่เมทินีกำลังมองดวงดาวที่ลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าพ้นออกไปนอกหน้าต่าง  ซึมซับความสวยงามของภาพที่กำลังมอง  และอิ่มเอมใจกับความรู้สึกที่ได้กอดมะปรางบนตักตัวเองอีกครั้ง  เธอคิดว่ามะปรางอาจจะผล็อยหลับไปแล้ว แต่รู้ตัวว่าคิดผิด  ก็เมื่อจมูกเล็กๆของหล่อนเริ่มขยับส่ายไปมาเบาๆ

เมทินีขนลุก

มะปราง..

มะปรางตอบรับเสียงเรียกของเธอด้วยการขยับใบหน้าเข้ามาเบียดกับลำคอของหล่อนมากขึ้น  ร่างบางส่งเสียงงึมงำเบาๆ  ค่อยๆไต่จากลำคอขึ้นมาที่สันกราม...มาที่นวลแก้ม...  

อื๊อ.. มะปราง”  สาวใหญ่ส่งเสียงร้องเบาๆ  

มะปรางสูดหายใจหอมกลิ่นหอมกรุ่นจากผิวเนียน  ยังคงไม่ลืมตา  เธอขยับริมฝีปากซุกซนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเคลื่อนไปที่ริมฝีปากนุ่มของคนที่เธอนั่งตักอยู่

ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าสาวน้อยที่นั่งอยู่บนตัวเหิมเกริมประทับริมฝีปากเล็กนุ่มที่ตำแหน่งไหน

กลีบปากสีพีชของสาวน้อยหยุดนิ่ง  เธอค่อยๆดึงใบหน้าออกห่างจากอีกคน  เม้มริมฝีปากลิ้มรสของหวานที่เธอเพิ่งชิม  เมื่อครู่นี้มันรู้สึกดีมาก...มากกว่าครั้งไหนๆที่เธอเคยจูบหล่อน  เพราะครั้งนี้เธอมีสติครบ  และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร  ใบหน้าของมะปรางร้อนผ่าว  ริมฝีปากก็ร้อน... เธอเห็นคนอายุเยอะกว่ามองเธอด้วยความแปลกใจ  พี่เกดคงคาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้...ก็ไม่แปลกหรอกนะ เพราะเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเหมือนกัน  โดยไม่คาดคิดมะปรางทำแบบที่ทำเมื่อครู่อีกครั้ง

อืม..”  มะปรางเปล่งเสียงออกจากลำคอเบาๆในตอนที่ริมฝีปากของเธอประกบกับหล่อนอีกครั้ง  เธอดันใบหน้าเข้าหาหล่อน และหล่อนคงจะหงายหลังเลยดันศีรษะผลักเธอกลับมา  เธอผลักใบหน้าของหล่อนอีกครั้ง  มือขวาของเธอลูบไล้แผ่นหลังของหล่อน ส่วนมือซ้าย  มะปรางรู้ตัวอีกทีก็มีสัมผัสของสิ่งกลมมนนุ่มนิ่มอยู่เต็มฝ่ามือของเธอ  

เมทินีช็อคที่มือเล็กเรียวกำลังเกาะกุมหน้าอกของเธอ  แถมหล่อนยังทำหน้าเคลิ้มน่าตีแบบนั้นอีก  เธอวางร่างที่นั่งอยู่บนตัวเธอลงกับเตียงอย่างอย่างนุ่มนวล  มือซนของเด็กสาวช่างซนมากเสียจนเธออยากจะตีก้นหล่อน 

หยุดก่อนมะปราง”  เมทินียกมือจับมือของมะปรางที่กุมหน้าอกของเธออยู่หยุดการเคลื่อนไหวของมือบางที่กำลังสัมผัสร่างกายของเธอ  พยายามข่มอารมณ์  ถอนริมฝีปากจากหล่อน  จ้องดวงตาของสาวน้อยและถามด้วยเสียงจริงจัง  แน่ใจนะคะว่าจะไม่มาเสียใจทีหลัง...มะปรางพร้อมแน่นะ

มะปรางหายใจเข้าออกถี่เร็วหลังจากถอนริมฝีปาก  เธอมองผู้หญิงที่นอนกึ่งตะแคงข้างกึ่งคร่อมตัวเธออยู่  ดวงตาของมะปรางสั่นระริก  เธอกลัวการทำเรื่องอย่างว่า เพราะเธอไม่เคยทำ  และมันก็ดูน่ากลัวไม่น้อย  แต่ถ้าคนตรงหน้าเธอสวยขนาดนี้...มันจะต้องสวยงาม  ถ้าหล่อนอ่อนโยนขนาดนี้...มันคงไม่น่ากลัวขนาดนั้น... 

มะปรางพยักหน้า

ความหอมยั่วยวนใจประทับลงริมฝีปากสีพีชจนศีรษะที่กำลังก้มอยู่นั้นถูกดันจนต้องเงยหน้าขึ้น  สัมผัสหวานละมุนปนเผ็ดร้อนเหมือนรสชาติของไวน์ชั้นดีที่รุกร้ำเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นเรียวสอดใส่เข้ามาฉกสติของเจ้าตัวจนรู้สึกหัวหมุนโลกตีลังกา

อื๊ม...

มะปรางหลับตาพริ้ม สองมือลูบไล้แผ่นหลังของคนอายุมากกว่าอย่างเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากที่อร่อย...ที่ได้ลองแลกชิมอย่างยาวนานและดูดดื่มเป็นครั้งแรก...และสัมผัสเนียนลื่นของแผ่นหลัง...   มะปรางไม่อยากจะหยุดจูบหรือหยุดลูบไล้ร่างกายนี่เลย...

หน้าอกหน้าใจของหล่อนที่กดทับลงบนอกของเธอ...ทุกการเคลื่อนไหวของการหายใจ...ทุกการบดเบียด...มันช่าง... บอกทีว่าเธอไม่ได้อยู่บนสวรรค์  หรือทั้งหมดนี่คือเธอแค่ฝันไป...ผู้หญิงคนนี้...กำลังจะเป็นของเธอ  เรากำลังจะเป็นของกันและกัน...  มันนานแค่ไหนแล้ว...?  นานจนรู้สึกราวกับนิรันด์ที่เธอเฝ้าแต่คิดถึงหล่อนรอที่จะให้เราสองคนได้พบเจอกันแบบนี้อีก...


นิรันด์งั้นหรอ...?


ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกแบบนี้... แต่มะปรางรู้สึกปิติจนดวงตาเริ่มเห็นห้องพร่ามัวเพราะถูกหยาดน้ำใสๆบดบัง


นี่ไม่ใช่ฝัน       
   

มันเป็นความจริง



เมทินีค่อยๆผละออกจากริมฝีปากที่มีรสชาติเหมือนเค้กวนิลาหอมกรุ่นของเด็กสาววัยแรกแย้ม  เค้กชิ้นนี้หวานและอร่อยเหมือนกับขนม เตอร์คิช ดีไลท์ ที่มีมนต์วิเศษทำให้อยากจะกินต่อไปเรื่อยๆอย่างคลั่งไคล้... หล่อนช่างน่ากัดให้จมเขี้ยวและเคี้ยวช้าๆให้รู้สึกทรมานเล่นเสียจริง เธออยากจะแกล้งหล่อนให้ร้องไม่เป็นภาษาอีกครั้งใจจะขาดแล้ว...

อีกครั้ง...?

เมทินีเผยอริมฝีปาก ส่งปลายลิ้นแนบที่สันกรามของขนมหวาน ค่อยๆไต่ชิมขึ้นไปจนถึงติ่งหู เธองับมันเบาๆส่งผลให้ร่างที่นอนอยู่ใต้เธอสะดุ้ง หลุดเสียงครางแผ่วเบาออกมา


อา..

คิดถึง...  คิดถึงจังคนดี


เมทินีไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคิดถึงหล่อนมากขนาดนี้ ราวกับหล่อนเป็นบางอย่างที่ขาดหายไป...ที่เธอเคยทำหล่นหายไป...และในที่สุด...ก็ได้กลับคืนมา


มันแปลก..มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกคิดถึงเด็กสามขวบคนนั้นเท่านั้น มันมากกว่านั้น...


ทำไมนะ.. ทำไมถึงได้รู้สึกผูกพันกับหล่อนมากขนาดนี้ ราวกับว่าก่อนหน้านี้พวกเธอเคยรู้จักกันมาก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้...ในความทรงจำอันเลือนรางคล้ายกับภาพในความฝัน...สองเราเคยนอนกอดก่ายกันด้วยความรักแบบนี้มาก่อน

มือของเมทินีสอดเข้าไปใต้ชุดราตรีของมะปราง  ลูบไล้ต้นขาเนียนนุ่มน่าสัมผัส  ขณะที่ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับใบหูข้างที่มีรอยสักเพชฌฆาตสีแดงประทับอยู่  รอยประทับสีเพลิงรู้สึกถึงผู้เป็นนายเก่า  มันสว่างวาบชั่วครู่เป็นการตอบรับการทักทายของนายสาว  เมทินีโลมเลียใบหูของมะปราง ดูดเบาๆ...ปล่อย...และขบปล่อย...ขบ..

มะปรางรู้สึกหูอื้อ ความร้อนเปียกสากที่ฉกชิมใบหูของเธอทำให้ตัวเธอสั่นสะท้าน ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ลิ้นของเมทินีหยุดหยอกเย้าใบหูของเธอและทำท่าว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไปที่อื่น มะปรางผลักร่างของคนผิวแทนออกจากกาย

อ๊ะ..” เมทินีอุทาน ก่อนจะประหลาดใจยิ่งกว่าที่ไหล่ของเธอถูกมือบางของสาวน้อยดันจนติดกับที่นอน ตามมาด้วยน้ำหนักของตัวของเด็กน้อยที่ปีนคร่อมสะโพกของเธอ เมทินีกลั้นยิ้มอย่างประหลาดใจระคนเอ็นดู “น้องมะปราง..อยากเป็นฝ่ายรุกก่อนหรอคะ

อือ...” มะปรางยอมรับอย่างอายๆด้วยเสียงแผ่วเบา บางอย่างในกาย ทำให้เธออยากครอบครองหล่อนมาก...จนไม่อยากเสียเวลารออะไรทั้งนั้น

เมทินีหัวเราะพอใจในลำคอ เธอหันมองข้างตัว คว้าผ้าสีขาวที่เธอใช้ผูกมือของมะปรางกับราวม่านเตียงเมื่อก่อนหน้านี้ ตวัดมันรอบข้อมือทั้งสองของตน รัดตรึงไว้ที่โครงเหล็กหัวเตียงอีกครั้ง

มะปรางมองดูหล่อนทำเช่นนั้นด้วยความแปลกใจ คนอายุเยอะกว่าใช้ฟันกัดดึงปลายของผ้าขณะที่ดวงตาช้อนมองมะปรางอย่างเซ็กซี่ เผยอริมฝีปากอย่างยั่วยวน...

มะปรางกลืนน้ำลายลงคอ  ให้ตายซี่

เมทินีเชิดคางขึ้น ปรายตามองสาวน้อยอย่างเชื้อเชิญ มะปรางก้มมองเธอด้วยสายตากระหาย กวาดตามองร่างยาวหุ่นแบบนาฬิกาทรายที่ถูกตรึงไว้กับเตียง เมื่อหล่อน...อยู่ใต้ความต้องการของเธอแบบนี้...

เธอควรจะทำอะไรหล่อนก่อนดีนะ..?

มะปรางโน้มตัวลงเข้าหาผู้หญิงใต้ร่าง กดกลีบปากลงบนริมฝีปากนุ่มของอีกคน สองมือกดลงบนอกของหล่อน  

อา...ใช่...มันคือความจริงจริงๆด้วย

อืมมม” เมทินีร้องครางในลำคออย่างพอใจ มะปรางถอนจูบและเคลื่อนริมฝีปากลงประทับบนลำคอระหง เมทินีหันศีรษะหนีไปอีกทางอย่างเคลิบเคลิ้ม สาวผิวขาวโลมเลียลำคอของเมทินีครู่หนึ่งก่อนยกศีรษะตามล่าริมฝีปากของหล่อนที่หันหนีเธอไปทางอื่น

พี่เกด..อืมม..อืมม..

มือบางของสาวน้อยเลื่อนลงจากอกอิ่มไปที่ซิปของชุดราตรีที่อยู่ตรงกลางระหว่างปทุมถัน เธอถอนริมฝีปากออกจากความหวานลึกล้ำ หน้าผากยังคงแนบอยู่กับหน้าผากของหล่อน จมูกยังคงชนปลายจมูก เธอหายใจถี่ด้วยความเขินอาย แต่ความปรารถนานั้นมีมากกว่าความเขินอายไม่รู้กี่เท่า... มะปรางรูดซิปลงช้าๆ ทรวงอกอูมเต่งตึงที่มีเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีน้ำเงินสลับขาวถักทอเป็นลวดลายสวยงามอำพรางความงามของผิวเนียนค่อยๆเผยสู่สายตาของมะปราง...

สาวน้อยเบิกตาโต ก้มมองดูเนินเนื้ออวบอิ่มที่อยู่ใต้ลำตัว ค่อยๆคลานถอยลงจากตัวอีกคนจนศีรษะของเธออยู่ในระดับเดียวกับความงามนั้น เธอได้ยินเสียงหอบหายใจของตนเองดังฟังชัด ขณะที่ทรวงอกของผู้หญิงผิวแทนเริ่มขยับขึ้นลงเร็วกว่าปกติ

ธรรมดาแล้วเมทินีไม่ค่อยชอบถูกเป็นฝ่ายรัดตรึงกับเสาเตียง เธอชอบที่จะเป็นฝ่ายยั่วอารมณ์ผู้อื่นมากกว่า แต่...มันน่าสนใจและวาบหวามหัวใจอย่างยิ่งเมื่อต้องจินตนาการและคาดดเดาว่าเด็กน้อยใสซื่อนี่คิดจะทำอะไรกับร่างกายของเธอบ้าง เธอรอ...อย่างกระหาย...รอให้หล่อนปลดปล่อยอารมณ์ลงบนผิวกายของเธอ..

ลมหายใจร้อนๆของมะปรางปะทะกับเนินอกของอีกฝ่าย มือเรียวรูดซิปของชุดลงลึกกว่าเดิมเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบที่มีกล้ามท้องเล็กน้อย และผิวเนียนละเอียดสีน้ำผึ้ง มะปรางไม่รู้ตัวว่ามือของเธอสั่นจนกระทั่งตอนที่เห็นว่าหลังมือของเธอสั่นด้วยตาตัวเองนั่นแหละ

เธอประทับริมฝีปากลงบนผิวท้องเรียบเนียนของหล่อน กดจูบเน้นย้ำ..ซ้ำๆ หน้าท้องของเมทินีหดเกร็ง ลำตัวช่วงอกแอ่นขึ้นจนสุด มะปรางรู้สึกพึงพอใจและประหลาดใจในขณะเดียวกันที่ได้รู้ว่า การกระทำของเธอได้รับปฏิกิริยาตอบรับมากแค่ไหนจากหล่อน...

สาวน้อยเลื่อนจูบขึ้นไปที่ใต้ราวนมของสาวใหญ่ และคิดที่จะเลื่อนสูงขึ้นไปอีกแต่กลับชนเข้ากับสัมผัสนุ่ม...ฟู  ของบางอย่าง...?


เมี้ยว..

เอ๋...มะเขือน้อย!?

หน้าผากของมะปรางแนบอยู่กับพุงของลูกแมวตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าปีนมาอยู่บนตัวเจ้านายของมันตั้งแต่เมื่อไหร่!?

สาวน้อยยกศีรษะขึ้น เอียงคอหลบมันเพื่อจะสานต่ออารมณ์ที่กำลังได้เมื่อครู่ แต่มะเขือน้อยกลับกลิ้งตัวตามใบหน้าของเธอ

เมทินีรู้สึกจั๊กจี้ที่หน้าอก เธอทั้งขำทั้งอยากจะร้องไห้ที่เจ้าเหมียวสัตว์เลี้ยงของเธอปีนขึ้นมาบนตัวและกำลังขัดขวางลูกแมวน้อยอีกตัวจากนมแม่แมว เมทินีจั๊กจี้และขำจนหลุดเสียงออกมา

มะปรางขมวดคิ้วมุ่น เธอเอื้อมมือกะจะคว้าเจ้าแมวน้อยไปวางที่อื่นให้พ้นทาง แต่มะเขือน้อยกลับนอนหงายท้องที่กลางอกของเมทินีและคิดว่าเธอกำลังเล่นกับมัน...หรือบางทีมันอาจจะแค่อยากขัดอารมณ์เธอ

มะเขือน้อย!! มะปรางส่งเสียงดังอย่างไม่พอใจเมื่อเจ้าแมวเห็นนิ้วของเธอเป็นของเล่น และพยายามจะตะปบนิ้วมือของเธอมันใช่เวลามั้ยล่ะ!

เมทินียังคงหัวเราะ มองดูทั้งสองทะเลาะกันบนอกของเธออย่างเอ็นดู เธอขยับร่างกายท่อนบน  ช่วยมะปรางอีกแรงด้วยการพยายามเทเจ้าเหมียวตัวจ้อยให้ลงจากอกของเธอ

แต่มะเขือน้อยผู้ขาดความรักไม่ยอมง่ายๆ

อ๊ะ..” เมทินีกัดปากร้องซี้ดเบาๆเพราะเนินอกของเธอถูกคมเล็บของลูกแมวเกาะเกี่ยวเป็นที่ยึดเหนี่ยวของมัน  “อ๊ะ...มะเขือน้อย..อย่า..”  เมทินีตะแคงลำตัวมากขึ้น เขย่าร่างกายหวังให้ลูกแมวหลุดออกจากผิวหนังของเธอแต่ไม่เป็นผล

ดวงตาเล็กของมะปรางค่อยๆขยายออก แวบแรกของความรู้สึกที่ได้ยินเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเมทินีเข้ามาในหูคือ...เธอเป็นห่วงหล่อน 

ส่วนที่เหลือ...มันทำให้เธอมีอารมณ์

มะปรางพยายามตั้งสติ เธอค่อยๆแกะเล็บของมะเขือน้อยที่เกาะอยู่กับหน้าอกของเมทินี มะเขือน้อยดิ้นไปมา เปลี่ยนจากจิกหน้าอกไปจิกเนื้อผ้าที่คลุมเนินเนื้อของสาวผิวเข้มแทน มะปรางไม่ยอมในความดื้อของเจ้าเหมียว เธอพยายามแกะมันออกอีกครั้งจนสำเร็จ มือบางโยนเจ้าตัวเล็กทิ้งไปข้างๆ มะเขือน้อยตกปุลงบนเตียง ก่อนจะถูกผ้าห่มหนักๆลอยมาคลุมทับร่างอีกที 

พี่เกด เจ็บรึเปล่าคะ” มะปรางถามด้วยความเป็นห่วง มองรอยข่วนที่ค่อนข้างลึกซึ่งลากเป็นเส้นสีแดงยาวพาดอยู่บนอกอูม

ฮ่ะๆ...นิดหน่อยค่ะ อันที่จริงพี่ขำมากกว่าอะ เห้อ..” เมทินีตอบขณะมองดูก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มที่ขยับดุกดิก รู้สึกถึงรอยสักเพชฌฆาตที่กำลังทำการสมานรอยแผลบนอก มะปรางเหลือบตาไปเห็นหัวของแมวสีขาวโผล่ออกมาจากผ้าห่มก็รีบจับมันยัดมันกลับเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจับมันหมุนๆๆเป็นก้อนจนแน่ใจว่ามันจะไม่หลุดออกมาขัดจังหวะเธออีก

ว่าแต่...มะเขือน้อยทำน้องเสียอารมณ์หมดรึเปล่า?” สาวใหญ่เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงคำถาม 

มะปรางละสายตาจากก้อนกลมหันมาสั่นศีรษะตอบ มะเขือน้อยจอมจุ้นจะจุ้นยังไงเธอก็จะไม่ยอมปล่อยให้มาทำลายเวลาของเธอกับพี่เกดได้หรอก

มะปรางเห็นว่ารอยข่วนที่อกของเมทินีค่อยๆสมานอย่างช้าๆ เลือดส่วนหนึ่งไหลย้อยลงจากปากแผลที่เปิดอยู่ เธอโน้มศีรษะเข้าไปใกล้  ลิ้นเรียวเล็กตวัดชิมเลือดหยดนั้น เมทินีหายใจเข้าลึก รู้สึกวาบหวามใจที่ลิ้นร้อนของมะปรางแตะลงบนปากแผล  มันแสบ..แต่รู้สึกดี... รสชาติของเลือดขมและฝาดแต่มะปรางกลับดูดดื่มมันราวกับเธอเป็นแวมไพร์เฉกเช่นเฌอมาลย์ ยิ่งได้ยินเสียงครางในลำคอของคนถูกดูดเลือดก็ยิ่งบดทับริมฝีปากแนบแน่นกับบาดแผลของหล่อนยิ่งขึ้น

อื๊อ...มะปราง...”  เมทินีครางเสียงระทวย เด็กน้อยจำความรู้สึกที่ถูกเธอดูดกัดลำคอของหล่อนในตอนนั้น...และนำมาใช้กับเธอในตอนนี้...

อีกมือหนึ่งของเด็กสาวเลื่อนไปลูบไล้ต้นแขนที่พาดอยู่เหนือหัวเตียง ค่อยๆไต่กลับลงมาช้าๆ เกาะกุมที่ปทุมถันอีกข้างที่เป็นอิสระจากริมฝีปากของเธอ เธอนวดคลึงบีบเฟ้นมันอย่างนุ่มนวล

มะปรางนวดเฟ้นทรวงอกนุ่มด้วยความเพลินใจก่อนสะกิดปลดตะขอชุดชั้นในของเมทินีออก แล้วก็ได้เห็น...รอยสักเพชฌฆาต


งูสองตัวที่เกาะเกี่ยวกันอยู่กลางร่องอกงาม..



มันดึงดูดให้มะปรางเคลื่อนริมฝีปากไปโลมเลียอย่างห้ามใจไม่ได้...


ลิ้นร้อนโลมเลียรอยสักเพชฌฆาตจนเมทินีต้องกัดฟันด้วยความสะท้าน หลังจากชิมรสชาติของรอยสักจนพอใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็เปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งเข้าฉกยอดอกสีสวยที่แข็งได้ที่ เมทินีบิดกายด้วยความรัญจวน ทั้งวาบหวามและชอบใจ แต่...นี่มันไม่ใช่ดูดแบบธรรมดา..

เพราะเด็กน้อยคนนี้กำลังดูดกัดยอดอกของเธอราวกับเด็กที่กำลังดื่มนมของแม่

น้องมะปราง เบาหน่อยสิคะ  อื๊อ...มะปราง  โอ๊ยไม่เอา..อย่าเคี้ยว..

ถึงจะได้ยินหล่อนห้ามอย่างนั้น แต่มะปรางยังคงดูดกัดยอดอกของเมทินีอย่างสนุกปาก เธอมีความสุขมากๆที่ได้ขยำทุกส่วนของเนินเนื้อเนียนนุ่มด้วยฟันและริมฝีปาก... ลึกๆเหมือนเป็นความปรารถนาของมะปรางสามขวบที่อยู่ภายในตัวเธอที่โหยหายอดอกนี้มาแสนนาน...

เธองับยอดอกของเมทินีต่ออย่างเพลิดเพลินและดูดมันจนเกิดเสียงดังจ๊วบอีกสองสามครั้ง ก่อนจะยอมปล่อยและเงยหน้าขึ้น มะปรางค่อยๆช้อนตาขึ้นสบตากับหล่อนอย่างสำนึกผิด เธอยิ้มแห้งเพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกคนเจ็บ แต่ความสามขวบในตัวมันพาให้เธอทำไปแบบนั้นนี่นา...

เมทินีมองค้อนเด็กสาวที่ยิ้มแห้งน่าตีอยู่บนตัวของเธอ หล่อนรู้ว่าเธอเจ็บ แต่ก็กัดซะจมเขี้ยวขนาดนั้น อย่าให้เธอทนไม่ไหวเมื่อไหร่ จะเอาคืนให้เข็ดเลยเชียว

ใบหน้าของเมทินีร้อนไปด้วยความรู้สึกวาบหวามและเซ็กซี่ เธอไม่คิดว่าเด็กน้อยใสซื่อจะซ่อนความกระหายไว้ในตัวมากขนาดนั้น เธอสัมผัสได้ว่าเนินนูนใต้หว่างขาของร่างบางที่คร่อมหน้าท้องของเธออยู่มันแข็ง...และร้อน...อีกทั้งยังเริ่มจะเปียกชื้น

มะปรางเห็นว่าพวงแก้มของคนอายุมากกว่าขึ้นสีแดงก็อดใจไม่ไหวที่จะไม่เคลื่อนตัวไปจุ๊บแก้มของหล่อน มะปรางประทับจุมพิตลงบนแก้มนวล สองมือเกาะกุมอยู่บนอกนุ่มที่เธอเพิ่งใช้ฟันและลิ้นทรมานมันไปเมื่อครู่ นวดคลึงไปมา ก่อนกลับไปดูดดื่มยอดอกอีกข้างที่ยังไม่พบกับความต้องการของเธอ

เมทินีดันหัวเข่าขึ้นให้หน้าขาของเธอสัมผัสกับความนุ่มของเนื้อผ่านกางเกงในตัวบางที่เต่งพร้อมรับการเสียดสีหัว เริ่มลากขึ้นลงเสียดสีกับจุดไวต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยที่หล่อนไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน  “อ๊ะ..”  สาวน้อยครางเสียงสั่น ตัวสั่นสะท้านเพราะสัมผัสที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รู้สึกทั้งเสียวทั้งเกร็งไปหมด มือทั้งสองข้างจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น

อื๋อ...แม่คะ! --   

สองมือของมะปรางตะครุบปากของตน เธอหันมามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ เมื่อครู่เธอเผลอเรียกหล่อนแบบนั้นไปได้ยังไง!

หน้าของมะปรางร้อนแทบไหม้เพราะความอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แล้วนี่...ทำไม...พอพูดคำว่าแม่ออกไปแล้ว ต้องนึกถึงที่พี่กวางพูดตอนนั้นอีกแล้ว

มิลฟ์..

หืม?

…!!!  

มะปรางช็อคกับตัวเอง ไอที่คิดถึงคำว่า MILF ในหัวเมื่อครู่ เธอดันหลุดพูดออกไป บ้าที่สุด บ้าบอ!

เมทินีหัวเราะคิกคัก หยุดถูไถขากับความสาวของคนบนร่าง เธอขยับตัวบนที่นอนเล็กน้อย เอียงคอ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง

เมื่อกี๊พูดว่า มิลฟ์  หรอคะ

มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่เกด หนูไม่เคยดูอะไรแบบนั้นนะคะ” กรี๊ดดดพูดไปก็ยิ่งเหมือนกลบดินบนหลุมศพตัวเอง แง...พี่เกดจะคิดว่าเธอเป็นคนยังไงเนี่ย TT

เมทินีหลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู  ใช่ว่าไม่เคยมีคนเรียกเธอแบบนั้นมาก่อนสักหน่อย..

พี่บีสอนให้เรียกพี่แบบนี้หรอคะ” เมทินีอดสงสัยไม่ได้ว่าบีสามขวบเป็นคนสอนมะปรางหรือเปล่า

เปล่าค่ะ...พี่กวางเป็นคนสอนค่ะ

เมทินีเลิกคิ้วสูงยิ่งขึ้น กวาง... ยัยเด็กที่ดูเหมือนจะใสๆคนนั้นน่ะหรอ?

กวางบอกว่ายังไงหรอคะ เกี่ยวกับคำนี้

พะ.. พี่กวางบอกว่า ที่หนูรู้สึกกับพี่เกด..เหมือนแม่ แต่ก็อยาก...อื้อ  นั่นแหละค่ะ คือพี่เกดเป็น มิลฟ์ น่ะแหละ” มะปรางตอบย่างเสียไม่ได้ รู้สึกเขินอายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่กวางสอนให้เธอรู้จักคำนี้ เธอก็ลองค้นหาคำบนอินเทอร์เน็ตแล้วก็ได้รู้ว่านอกจาก MILF จะเป็นคำเรียกผู้หญิงมีอายุที่ยังสวยแซ่บ ยังเป็นชื่อหมวดหนังผู้ใหญ่ที่ฮอตที่สุดหมวดหนึ่งอีกด้วย ก็เหมือนคนตรงหน้านี่แหละ ฮอตเป็นบ้า

อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง” เมทินียิ้มกรุ้มกริ่ม “มะปรางจะเรียกพี่ว่าแม่ก็ได้นะ...ถ้าอยากน่ะ

มะปรางที่กำลังก้มหน้างุด เงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าฉงน สิ่งที่ออกจากปากของคนอายุเยอะกว่าในวินาทีถัดมาทำเอาเธอลมแทบจับ


มันเทิร์นออนดี...พี่ชอบ


(O/////O)!! 


#$%!!_$\!&*)@+!!^!  พี่เก้ดดดดดดดดดดดดดดดดด


มะปรางพูดไม่ออก ไปต่อไม่ถูก ตอนแรกก็คิดว่าพี่เกดจะโกรธซะอีกที่เธอเรียกหล่อนแบบนั้น หรือบางทีอาจจะหมดอารมณ์ไปเลยก็ได้ แต่นี่มันเกินคาดไปเยอะเลยที่หล่อนชอบมัน

มาใกล้ๆสิคะ” เมทินีเรียกมะปรางให้เข้ามาใกล้ ถ้าหากมือของเธอไม่ได้ถูกตรึงไว้กับหัวเตียง เธอคงจะดึงสาวน้อยเข้ามาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือเสียเวลาให้หล่อนนั่งยั่วเธออยู่บนตัวโดยไม่ทำอะไรนานกว่านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

มะปรางทำตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนถูกขโมยจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ขโมยสาวเกี่ยวพันลิ้นร้อนอย่างดูดดื่ม ขณะเดียวกันต้นขาของหล่อนก็คืบคลานเข้าหาความสาวของเหยื่ออีกครั้ง เหยื่อสาวปลดจุมพิต ส่งเสียงครางที่ฟังแล้วปลุกอารมณ์ออกมา สาวใหญ่สั่งให้สาวน้อยเรียกเธออย่างที่เธอพึงใจ อีกคนว่าง่ายยอมทำตาม..

แม่คะ..อ๊ะ!..อ๊ะ!..อ๊า!!

เมทินีได้ยินเสียงเพรียกร้องของลูกสาวก็รู้สึกทั้งเสียวซ่านและอบอุ่นผสมผสานปนเปไปด้วยกัน ความรู้สึกทั้งรักทั้งใคร่วิ่งพล่านในกาย เธอยกศีรษะขึ้นบดทับริมฝีปากกับคอของคนตัวบาง ไต่ขึ้นไปตรึงที่ริมฝีปากหอมหวาน จนเสียงครางของคนผิวขาวหายไปในลำคอ ต้นขาของเมทินีเสียดสีกับกลีบกุหลาบของมะปรางแรงขึ้นและแรงขึ้น มะปรางกอดรัดร่างอวบอิ่มพลางกัดริมฝีปากของหล่อนเพื่อระบายความเสียวซ่าน และถูไถสะโพกไปกับต้นขาเนียนนุ่มนั้น...

สาวร่างบางตัดสินใจกดเข่าที่สร้างความสุขสมให้เธอลงเพราะเธอรู้สึกเหมือนร่างกายจะทนไม่ไหว ซึ่งดูจะเป็นการขัดใจคนใต้ร่างพอสมควร

มะปรางประทับจุมพิตให้คนผิวแทนเป็นการง้อเบาๆที่เธอขัดใจหล่อน สองมือค่อยๆทำการปลดชุดราตรีที่หล่อนสวมใส่อยู่ออก  นี่มันชุดบ้าอะไรคะแม่ขา...แค่สะกิดก็หลุดแล้วอะ ฮือออ เธอดึงชุดราคาแพงของหล่อนออก และเมื่อสำเร็จภาพที่เห็นก็คือนางแบบชุดชั้นในที่สวยเย้ายวนใจที่สุดคนหนึ่ง... มือของเธอสั่นระริก ลมหายใจเข้าออกแรงขึ้นเรื่อยๆขณะที่เธอนอนราบกับเตียงและค่อยๆดึงกางเกงชั้นในออกจากสะโพกงาม

ในขณะที่สาวตาปรือกำลังตกตะลึงในความงามที่ทำให้เธอลมแทบจับ และชีพจรเต้นแรงกว่าปกติหลายร้อยเท่า คนผิวแทนก็ค่อยๆขยับเรียวขางามออกกว้างขึ้นเพื่อให้อีกคนมองเห็นมันได้ชัดกว่าที่เป็นอยู่ มะปรางหายใจเข้าลึก พยายามเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปไกลให้กลับมา เสียงครางอืมในลำคอของคนเป็นแม่เหมือนดั่งมนต์สะกดให้เธอเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้

มะปรางเคลื่อนศีรษะเข้าไปหาปากกลีบกุหลาบ แตะลิ้นลงบนความนุ่มที่ร้อนและชุ่มฉ่ำ 

ฮ๊า..อา..มะปราง...” เสียงครางอย่างพออกพอใจของสาวใหญ่สร้างความหวิวในช่องท้องของเธอ เธอกดลิ้นลงไปหนักหน่วงยิ่งขึ้น

แต่แล้วจู่ๆภาพที่มะปรางไม่ได้หวังจะได้เห็นปรากฏขึ้นในสายตา ภาพความทรงจำที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เคยนั่งอยู่ตรงนี้  ในท่าเดียวกันนี้  สร้างความสุขให้แม่ของเธอ..

อ๊ะ...อ๊า!!  มะปราง อะ..อ้ะ...

มะปรางคิดในใจว่าเธอจะไม่ยอมแพ้บาร์บี้...ผู้หญิงที่สองแขนของเธอจับเรียวขาของหล่อนอยู่ จะต้องมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำให้ไม่แพ้กับที่ผู้หญิงคนนั้นมอบให้

อืม...แม่ขา..อืมม” มะปรางดูดดื่มโลมเลียเกสรและกลีบกุหลาบของเมทินีอย่างหนักหน่วง น้ำหวานจากร่างของหล่อนอร่อยอย่างที่สีหน้าของสาวหน้าฝรั่งเคยบอกไว้ในฝัน มะปรางช้อนตามองใบหน้าของคนอายุเยอะกว่า เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดกับรอยยิ้มแห่งความสุขขณะที่หอบหายใจนั่นก็ยิ่งลงน้ำหนักของลิ้นมากขึ้น รัวเร็วยิ่งขึ้น สะโพกกลมกลึงของเมทินีสะบัดตอบรับริมฝีปากของมะปรางรัวเร็วเช่นกัน

อะ..อ๋าาา!!! ไรท์แดร์..อะ..อ๊ะ!! เยสเยสเยสเยสๆๆๆๆ อ๊าาาาา!!!

มะปรางพอใจเป็นอย่างมากที่หล่อนร้องเสียงดังลั่นห้อง เพราะตอนที่ผู้หญิงหน้าฝรั่งทำในตอนนั้น หล่อนไม่ได้ร้องครางเสียงดังเท่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นหล่อนกำลังไม่ได้สติอยู่ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กระนั้นมะปรางก็รู้สึกดีเหมือนกับได้ชัยชนะเหนือยัยบาร์บี้ตุ๊กตายาง

และในที่สุดลิ้นของมะปรางก็ผลักดันจนร่างของเมทินีกระตุกถี่อย่างรุนแรง หัวใจเต้นระรัวราวกลองรบขณะที่น้ำสีขาวขุ่นกำลังหลั่งออกมาจากเกสรงาม โดยสัญชาตญาณมะปรางตวัดลิ้นชิมมันและกลืนมันลงคอ ถึงจะประหลาดใจที่ตัวเองโหยหิวอะไรมันเบอร์นั้น แต่ลิ้นก็ยังคงทำไปตามใจ..อร่อย..ชอบ..

แฮ่กๆ...พอก่อนค่ะ..มะปราง..” เมทินีรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทัน และกลัวว่ามือใหม่ที่กำลังทำให้เธออยู่จะหายใจไม่ทันเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอสะบัดสะโพกใส่หล่อนแรงมากจนศีรษะของหล่อนโยกเป็นจังหวะรุนแรงจนหวั่นว่าคอของหล่อนจะเคล็ด

มะปรางไม่ได้ยินเสียงของอีกคนเลยสักนิด รู้สึกเหมือนตนเองกำลังเมาจนไม่ได้สติใช่ว่าเธอเคยเมาเหล้าจริงๆซะที่ไหน ถ้าจะเมาอะไรก็คงเมาน้ำกามรมย์ของหล่อนเป็นอย่างแรกนี่แหละกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คือเมื่อตอนที่ร่างของเธอถูกฉุดขึ้นจากที่นอน ไม่รู้ว่าเมทินีปลดผ้าที่ผูกมือเธอไว้กับหัวเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนรวบร่างบางแนบชิดกายและแลกจูบเร่าร้อนกับหล่อน ยังคงหอบหายใจแรงจากการเสร็จสมอารมณ์หมายเมื่อครู่

เมทินีรู้สึกทึ่งและแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่ามะปรางจะเก่งขนาดนี้ เหมือนกับว่าหล่อนรู้ว่าเธอจะขึ้นสวรรค์เร็วขึ้นถ้าทำตรงนั้น...รู้ได้ไง?

มะปรางถอนจูบจากริมฝีปากหวาน สบตาคนหน้าคมก่อนเสสายตาไปทางอื่น เอ่ยถามเสียงแผ่ว “ชอบมั้ยคะ

เมทินีรู้สึกจะละลายไปกับคำพูดของเด็กน้อย ...น่ารักชะมัดเลย

ชอบสิคะ ชอบมาก คนเก่ง..ไปฝึกมาจากไหนคะเนี่ย” 

บาร์บี้...”  มะปรางตอบ เธอก้มหน้า “หนูไม่ได้เก่งเองหรอกค่ะ เคยเห็นเธอทำให้แม่ขา ก็แค่ทำตาม

เมทินีตกใจไม่น้อยที่ได้ยินสรรพนามเรียกสิรินยาหลุดจากปากของเด็กน้อย รับรู้ได้เลยว่าหล่อนกำลังรู้สึกน้อยใจ หรือบางทีอาจจะมีความโกรธอยู่ในนั้นด้วย

อ้อ..” เมทินีลากเสียงยาว นิ้วชี้เชยคางมนของมะปรางขึ้นให้สบตากับเธอ 

แต่พี่ชอบที่มะปรางทำมากกว่าที่บาร์บี้ทำอีกนะ

มะปรางหน้าแดง 

โกหก..หนูจะเก่งกว่าคนที่ช่ำชองขนาดนั้นได้ยังไง”  

ใช่..เธอรู้ว่าพี่เกดแค่โกหกเพื่อให้เธอสบายใจ

โถ่....มะปรางขา ตอนนี้อาจจะยังไม่เก่ง แต่ฝึกกับพี่บ่อยๆเดี๋ยวก็เก่งกว่าเองแหละ

ได้ยินอย่างนั้นแก้มของมะปรางก็ยกขึ้นจนเป็นลูกกลม ทั้งเขินและอาย แล้วก็ดีใจที่คนเป็นแม่ว่าอย่างนั้น

เมทินีไม่ว่าเปล่า เธอจับตัวมะปรางให้หันไปอีกทาง พาดเรียวขาทั้งสองคร่อมตัวหล่อนจากทางด้านหลัง มะปรางตกใจที่จู่ๆก็ถูกใครบางคนเข้าซ้อนร่างกาย ความนุ่มนิ่มกลมมนสัมผัสกับแผ่นหลังทำเอาหน้าของมะปรางร้อนขึ้นมาอีกครั้ง สองขาเรียวยาวของคนอายุมากกว่าเวลานี้แนบชิดกับขาทั้งสองข้างของเธอ เมทินีปลดจี้ขนมนุษย์หมาป่าออกจากลำคอขาวแล้ววางมันลงกับเตียง ตามด้วยรูดซิปปลดชุดราตรีสีดำแวววาวออกจากร่างบาง ยกมือสัมผัสแผ่นหลังขาวนวล ลูบไล้ไปมาอย่างเบามือ เธอพรมจุมพิตอ่อนโยนลงบนแผ่นหลังบางและไต่ต้อยขึ้นไปหาลำคอ นิ้วเรียวเชยใบหน้าน่ารักของหญิงสาวให้หันมาหาแล้วบรรจงกดจูบลงบนกลีบปากกลิ่นวนิลา

มะปรางรู้สึกระทวยภายในอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนเป็นแม่ ร่างกายของหล่อนส่งความอบอุ่นมาให้จนเธอรู้สึกร้อนรุ่ม และรสจูบดั่งไวน์หอมที่กล่อมให้เธอรู้สึกร้อนมากขึ้นทุกทีทุกที...ทั้งๆที่มันไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะเธอรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายร้อนถึงขีดสุดแล้ว

นิ้วเรียวของเมนเทอร์สาวสอดผ่านเข้ามาในกางเกงชั้นในตัวบางและสัมผัสบนเกสรร้อนๆ นิ้วเรียวนั้นวาดวนอย่างอ้อยอิ่ง อ่อนโยน เช่นเดียวกับจูบ ก่อนจะหนักหน่วงรุนแรง...ร้อนแรงขึ้น เฉกเช่นแรงจูบเช่นกัน

สาวน้อยถอนจุมพิตเพื่อขออากาศหายใจ มือข้างหนึ่งเกาะลำคอของคนที่อยู่ข้างหลังเพื่อระบายความเสียวซ่าน ริมฝีปากร่ำร้องอีกฝ่ายด้วยสรรพนามว่าแม่ไม่หยุด

อ๊ะ!! อะอ๊า!!! แม่ขา!! อ๊ะ..อ๊ะ..!! อื๊อออ!! แม่คะ!! อ๊ะ! อ๊าาาาา!!!” 

เมทินีปั่นนิ้วรัวเร็วบนความสาวของร่างบาง ริมฝีปากกัดที่ใบหู โลมเลียรอยสักเพชฌฆาตที่สว่างจ้าบนผิวหนังของมะปราง ถ้ามะปรางหันมาเห็นใบหน้าของเธอในตอนนี้จะได้รู้ว่าความเซ็กซี่ที่แท้จริงเป็นอย่างไร... แต่ตอนนี้หล่อนกำลังร้องโหยหวนด้วยความสุขและความเจ็บปวด และเป็นอีกครั้งที่คนอายุน้อยพยายามหยุดอีกคนเมื่อเธอใกล้มาถึงขีดสุด แต่ครั้งนี้เมทินีไม่ยอมถูกขัดใจอีก เธอคว้ามือเรียวของมะปรางกับเหยี่ยวตะปบเหยื่อ


มะปรางหายใจเข้าดังเฮือก... 


เพราะเมทินีได้ยัดทั้งนิ้วของหล่อนและนิ้วของเธอเองเข้ามาในร่างของหล่อน...


อะ...เจ็บ...” มะปรางรู้สึกจุกจนร่างกายนิ่งค้าง ร้องไม่ออก


เมทินียิ้มกริ่มอย่างพอใจ


เจ็บแต่น้องจะชอบค่ะ เชื่อพี่... ถ้าหยุดตอนนี้ก็ไม่ถึงสวรรค์สิคะ


เมทินีกระชับมือของมะปรางแน่นและบังคับให้หล่อนสอดใส่นิ้วร่วมไปกับเธอ เมื่อดันเข้าไปได้ ทั้งสองก็เริ่มประสานจังหวะร่วมบรรเลงเพลงรักไปด้วยกัน อีกมือหนึ่งของเมทินีปลดชุดชั้นในสีฟ้าอ่อนติดระบายเล็กๆออกก่อนเข้าหยอกเย้ากับปทุมถันของคนอายุน้อยกว่า มะปรางเปล่งเสียงครางหงิงเบาๆในลำคอ

ยอดอกสีชมพู และหน้าอกขนาดพอดีมือที่ขาวผ่อง กระชับ เต่งตึงของสาวน้อยเป็นที่ถูกอกถูกใจคนอายุเยอะกว่าเป็นอย่างมาก เมทินีบีบคลึงมันอย่างมีความสุข ก่อนจะแกล้งคืนที่หล่อนเคยทำกับยอดอกของเธอไว้ด้วยการหยิกแรงๆจนหล่อนร้องโอ๊ยออกมาขณะที่กำลังครวญคราง เมทินีขำกิ๊กกับปฏิกิริยาของหล่อน

มะปรางมองค้อนใส่คนข้างหลัง ก่อนถูกจุมพิตสุดเผ็ดร้อนจู่โจมใส่อีกครั้ง นิ้วหนึ่งของเมทินีและอีกหนึ่งนิ้วของมะปรางที่อยู่ในกายเร่งใส่จังหวะที่หนักหน่วงและลงลึกจนส่งเสียงดังให้ได้ยินทุกครั้งที่ชักเข้าออก ในตอนแรกเมทินีเป็นฝ่ายที่คุมจังหวะของนิ้วทั้งสอง แต่แล้วเธอก็แกล้งปล่อย ไม่บังคับนิ้วมือของมะปรางอีก แต่กลายเป็นว่ามะปรางเองที่สานต่อจังหวะนั้นและบังคับให้นิ้วมือของเมทินีเคลื่อนไหวไปตามแรงนิ้วของเธอ เมทินียกยิ้ม ใช้มืออีกข้างที่ว่างสัมผัสและเสียดสีเมล็ดความอ่อนไหวของมะปราง ทำเอาสาวน้อยต้องปลดจุมพิตแล้วร้องครางในลำคอเสียงดังลั่น 

อ๋าาาาา อื๋ออออซี้ดดดดดด!!!

ตาดำของมะปรางค่อยๆเหลือกขึ้นจนกระทั่งครึ่งหนึ่งหายไปหลังเปลือกตา ความสุขและความเสียวซ่านค่อยๆทวีคูณขึ้นเรื่อยๆจนจวนเจียนจะพาตัวเธอระเบิดเหมือนบอลลูนอัซก๊าซมากเกินไป มะปรางร้องครางลั่น นิ้วของเมทินีทำเธอร้องอย่างต่อเนื่องจนเสียงหลงจังหวะ 

เมทินีกระทำจุดอ่อนไหวของมะปรางซ้ำๆจนกระทั่งช่องความงามของสาวน้อยบีบรัดนิ้วของผู้หญิงทั้งสองแน่น ของเหลวอุ่นๆไหลทะลักออกมาจากกุหลาบงาม มะปรางตัวสั่นเกไปหมดทั้งตัว เธอหอบหายใจ ก่อนจะทิ้งร่างที่อ่อนแรงเหมือนของเหลวลงกับอกนุ่มของคนด้านหลัง

แฮ่กๆ อือ...แม่ขา..เมทินีดึงนิ้วของตนกับของสาวน้อยออกจากร่างกายบอบบาง เมทินียกนิ้วแตะที่ริมฝีปากของมะปราง สาวน้อยงับนิ้วของหล่อนและดูดเลียอย่างมัวเมา เช่นเดียวกัน...เด็กสาวส่งนิ้วของตนที่อาบไปด้วยคราบน้ำหวานให้คนผิวแทนดูดดื่มด้วย

เมทินีจุมพิตเรือนผมของมะปราง ลูบเบาๆอย่างเอ็นดู สายตามองไปที่ก้อนผ้าห่มกลมๆที่กลิ้งขลุกขลักบนเตียงอย่างฉงน มันกลิ้งไปมาก่อนจะหล่นตุบลงจากเตียงพร้อมกับเสียง “เมี้ยว” และบางอย่างที่หล่นลงจากข้างหลังโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

มุมปากของเมทินียกขึ้นเป็นรอยยิ้ม...

น้องมะปราง”  เธอเรียก

คะ”  มะปรางขานอย่างเหนื่อยอ่อนพลางเงยหน้ามองเมทินี ดวงตาปรือเห็นคนหน้าคมมองไปที่โคมไฟก็มองตาม หล่อนสั่งให้เธอไปเก็บของที่มะเขือน้อยทำตกจากเตียงเมื่อครู่ มะปรางรับคำอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วค่อยๆคลานไปเก็บบางสิ่งที่วางอยู่กับพื้น  


และเมื่อเห็นชัดๆว่ามันคืออะไรก็ตาโต


ขุ่นแม่ยยยยยย!!!!!!


เมทินีเห็นมะปรางนิ่งเป็นรูปปั้นก็ขำกิ๊กในใจ เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาหล่อน ก่อนคว้าเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา ปักมันลงกับเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง จังหวะเดียวกับที่เธอปักมันลงกับเก้าอี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่มะปรางสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวสันหลัง

มะปรางรู้สึกกลัวและสงสัย เธอมองเจ้าแท่งอวัยวะปลอมสุดพิศวงนั่นอย่างหวาดระแวง

เมทินีกระดิกนิ้วเรียกมะปรางให้เข้ามาหา

มะปรางเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตาของสาวน้อยมองที่เมทินีอย่างลังเลสลับกับมองเจ้าแท่งอวัยวะปลอมนั้น และเมื่อเธอเดินมาถึงเก้าอี้ที่มีแท่งสีเนื้อปักอยู่ก็สั่นศีรษะดิ๊กให้อีกฝ่ายเป็นสัญญาว่า  ...ไม่เอา

เมทินียิ้มขำด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจับมะปรางหันหลัง แล้วกดตัวให้หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ฟังคำปฏิเสธใดๆที่ปากจิ้มลิ้มกำลังคัดค้าน มะปรางนั่งลงพร้อมหลับตาปี๋ด้วยความกลัวว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมขนาดยักษ์เข้ามาอยู่ในร่างกาย

...แต่เปล่า  

มะปรางลืมตาขึ้น ก้มหน้าลงดูระหว่างขาของตน แล้วพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ระหว่างขาทั้งสองของเธอมีแท่งเนื้อที่เธอกลัวว่ามันจะปักเข้ามาในร่างเมื่อครู่ตั้งชูชันอยู่ เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ถ้าไม่ได้จะให้เธอ... แล้วพี่เกดจะทำอะไรกับมันล่ะ...

เมทินีปล่อยมือจากไหล่บาง หมุนกายหันหน้าเผชิญกับคนอายุน้อย ก่อนจะตวัดขาคร่อมบนร่างของหล่อน และนั่งลงบนตัก แท่งเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่กลางหว่างขาของมะปรางค่อยๆเสียบเข้าร่างของสาวหุ่นนาฬิกาทราย ลึกขึ้นเรื่อยๆตามน้ำหนักที่หล่อนทิ้งตัวลงบนตักของมะปราง...

ฮ่ะ..”  เมทินีขยับสะโพกหาตำแหน่งที่ถูกต้อง ก่อนกดทั้งตัวลงไป มะปรางเบิกตาโต รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำตรงท่อนล่างของร่างกายตนที่ค่อยๆกลับมาไหลเวียนอีกครั้ง

เมื่อเมทินีสามารถยัดแท่งเนื้อเข้าไปในร่างกายได้สำเร็จจนมิด ก็เงยหน้ามามองที่มะปรางแล้วส่งยิ้มที่มีเสน่ห์ยั่วยวนให้ เธอโน้มใบหน้าลงไปหาและประทับริมฝีปากกับวนิลาหวาน ก่อนจะปล่อยจุมพิตและทำซ้ำอีกครั้ง เริ่มเคลื่อนไหวลำตัวช่วงบนและสะโพกด้วยลีลาเซ็กซี่เหมือนงูที่ไร้กระดูก

สองมือของมะปรางลูบไล้ต้นขาเนียนนุ่ม หยุดเกาะกุมบั้นท้ายงามที่กำลังร่อนเป็นจังหวะที่แรงขึ้นกว่าเก่าบนตัวของเธอ เสียงร้องในลำคอของคนผิวแทนสร้างความรำจวนใจให้เธอเป็นอย่างยิ่ง

อารมณ์วาบหวามที่อัดแน่นในกายพาให้มะปรางสอดมือข้างหนึ่งลงไประหว่างตัวพวกเธอทั้งสอง นิ้วเรียวสัมผัสที่กึ่งกลางร่างกายของตน ถูขึ้นลงอย่างช้าๆก่อนจะขยับเป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวร่างกายของอีกฝ่าย มะปรางกัดฟันและร้องซี้ดออกมาเบาๆ มือบางขยำสะโพกของเมทินีที่โยกกายอย่างเซ็กซี่อยู่บนตักรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางและเสียงหอบหายใจของทั้งสองดังระงม

อ๊ะ อ๊ะ!! อ๊ะ!!! ใช่!! อื๊อออ.. ซี้ดดดด!!!

มะปรางขบกัดลำคอของผู้หญิงที่โยกตัวด้วยท่าทางสุดเอ็กซ์ปลุกใจเสือป่าอยู่บนตักแล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอก ดูดดื่มยอดอกของหล่อนสลับกับส่งเสียงครางที่ยิ่งร้องก็ยิ่งสร้างความวูบวาบในใจให้ทั้งเธอและอีกฝ่าย เมทินีจับขอบเก้าอี้และขยี้สะโพกลงบนตักของมะปราง กระแทกกระทั้นจนเก้าอี้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด พวกเธอเบียดเสียดร่างกายสร้างความสุขให้กันและกันอย่างหนักหน่วงรุนแรงจนพากันไต่มาถึงชั้นบนสุดของสวรรค์อันร้อนเร่าอีกครั้ง



อื๊ออ...เยส!! อ๊ะ อ๊ะ!! อ๊ะ!!! ..อ๊ะ!!!



อ๊าาาาาาา!!!!!



ร่างของทั้งคู่เกร็งสั่นอยู่นานหลายวินาที เกาะก่ายแขนขาเข้าไว้ด้วยกัน ริมฝีปากพร่ำบอกคำรักให้กันขณะที่ยังหอบหายใจไม่หยุด เมทินีกอดร่างบางแล้วซุกหน้ากับลำคอสาวน้อย ดูดกัดเบาๆแล้วกระซิบบอกรักซ้ำๆ มะปรางลูบแผ่นหลังของเมทินีก่อนจะสวมกอดไว้แน่นแล้วบอกคำรักให้หล่อนได้ยินเช่นกัน  

เมทินีที่เป็นฝ่ายยังมีแรงเหลืออยู่ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้รวมถึงลุกขึ้นจากเจ้าแท่งเนื้อยาวและใหญ่ที่เสียบอยู่ในกายมานานหลายสิบนาที เธอสอดแขนช้อนร่างคนตัวบาง แล้วพากลับไปที่เตียง วางร่างของหล่อนลงอย่างบรรจง ก่อนคลานเข้าไปทิ้งกายนอนตะแคงขนาบข้าง เรียวขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขาของหล่อน เด็กสาวเอนกายและซุกหน้ากับลำคอของเธอ เหนื่อยล้าจนเกือบจะผล็อยหลับไปในทันที

เมทินีทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง  เวลานี้เธอรู้สึกทั้งสุขใจ...ซึ้งใจ...โล่งใจ...

โล่งใจที่เด็กคนนี้ปลอดภัยจากพลอย... และเป็นของเธอโดยสมบูรณ์... ถ้าหากพลอยจะมาแย่งมะปรางไป ก็คงต้องสู้กันตายไปข้างล่ะ

มะปรางฝืนต่อสู้กับความเหนื่อยอ่อนจนชนะ เธอไม่ยอมนอนเพราะยังคงติดใจกับเรื่องหนึ่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยถาม

พี่เกดจะไม่ร้องไห้ตอนที่หลับแล้วใช่มั้ยคะ

เมทินีเลิกคิ้วมองมะปรางอย่างประหลาดใจ หล่อนจำได้ด้วยว่าเธอเคยร้องไห้ในตอนนั้น...

ไม่ค่ะ รอยสักนี่น่ะ..” เธอยกแขนโชว์รอยสักรูปฝูงนกให้มะปรางดู “มันช่วยให้พี่เลิกฝันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น พี่ก็เลยไม่ต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว

ผู้หญิง...คนไหนหรอคะ” มะปรางหน้ามุ่ย เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมทินีฝันถึงผู้หญิงและร้องไห้เพราะเธอคนนั้น...หล่อนต้องมีความสำคัญกับพี่เกดมากแน่ๆ

เมทินีกระชับอ้อมแขน ดึงตัวมะปรางให้เข้ามาใกล้จนหน้าอกของหล่อนเบียดชิดกับอกของเธอ เธอมองใบหน้าไร้เดียงสาที่แสนอ่อนเยาว์อย่างพิจารณา หยุดสายตาที่ขี้แมลงวันที่กลางจมูกน้อยๆของหล่อน

คนที่พี่ฝันถึงก็คือมะปราง..” เมทินีตอบ ไม่รู้ว่ามะปรางจะเข้าใจที่เธอพูดหรือไม่ แต่เธอไม่สนใจเพราะเธอกำลังมีความสุขมากเหลือเกิน “และมะปรางก็อยู่ตรงนี้แล้ว เพราะงั้น พี่จะร้องไห้อีกทำไม” เธอกดจูบลงบนริมฝีปากกลิ่นหอมกรุ่นอีกครั้ง

มะปรางไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนั้น...คือเธออย่างนั้นหรอ? แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันที่เธอไม่รู้สึกติดใจสงสัยอะไรอีกแล้ว... แค่ได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปิติของหล่อน และความคะนึงหาที่ส่งผ่านมาในรสจุมพิต เธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้...

เธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับหล่อน...  

ไม่ใช่แค่สัมผัสที่ร่างกายที่เกาะเกี่ยวกันราวกับเป็นหนึ่ง แต่หัวใจและความรู้สึกของพวกเธอก็สัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งด้วยเช่นกัน...

เมทินีคลี่ยิ้มบางก่อนจะจูบหน้าผากของมะปรางและกล่าวราตรีสวัสดิ์ หัวใจของมะปรางยังคงเต้นแรงไม่หยุด  ความรู้สึกรักและความสุขที่คนเป็นแม่มอบให้ยังคงวิ่งพล่านในเส้นเลือดขณะที่เปลือกตาของสาวตาปรือใกล้จะปิดลง...

มะปรางยิ้ม กอดหล่อนแน่นขึ้น ประทับจุมพิตลงบนฝูงนกที่โบยบินอยู่บนผิวนวลของคนหน้าคม ก่อนซบแก้มลงบนแขนเรียวนั้น...  






_____________________________________
อ่านฟิคเรื่องนี้ >>> Hunter's Poison


THE DAG 
#ฟิคเพชฌฆาต