° ° ° ° °
M I L F
° ° ° ° °
[NC] Hunter’s Poison Chapter 22
° ° ° ° °
[NC] Hunter’s Poison Chapter 22
“ยังไม่กลับได้มั้ยคะ”
มะปรางเม้มริมฝีปาก กอดคนผิวแทนไว้ในวงแขน
รั้งไม่ให้หล่อนลุกขึ้น “หนูอยากอยู่ที่นี่ก่อนแป๊บนึง..
อยากนั่งตักแม่ก่อน...ได้มั้ยคะ”
เมทินีตามใจเด็กสาว
ไม่ปฏิเสธว่าเธอเองก็อยากให้มะปรางหย่อนตัวลงบนตักของเธอเหมือนวันวาน
มะปรางหันข้าง
ค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งบนหน้าขาของสาวใหญ่ที่มีตักนุ่มและอุ่น
บรรจงซบศีรษะลงบนไหล่ของหญิงสาว ขยับไปมาเพื่อหาจุดที่หนุนแล้วสบาย
จมูกของเธอชนกับซอกคอที่หอมกรุ่น เธอหลับตาลงช้าๆ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง...
ขณะที่เมทินีกำลังมองดวงดาวที่ลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าพ้นออกไปนอกหน้าต่าง
ซึมซับความสวยงามของภาพที่กำลังมอง
และอิ่มเอมใจกับความรู้สึกที่ได้กอดมะปรางบนตักตัวเองอีกครั้ง
เธอคิดว่ามะปรางอาจจะผล็อยหลับไปแล้ว แต่รู้ตัวว่าคิดผิด
ก็เมื่อจมูกเล็กๆของหล่อนเริ่มขยับส่ายไปมาเบาๆ
เมทินีขนลุก
“มะปราง..”
มะปรางตอบรับเสียงเรียกของเธอด้วยการขยับใบหน้าเข้ามาเบียดกับลำคอของหล่อนมากขึ้น
ร่างบางส่งเสียงงึมงำเบาๆ
ค่อยๆไต่จากลำคอขึ้นมาที่สันกราม...มาที่นวลแก้ม...
“อื๊อ.. มะปราง” สาวใหญ่ส่งเสียงร้องเบาๆ
มะปรางสูดหายใจหอมกลิ่นหอมกรุ่นจากผิวเนียน
ยังคงไม่ลืมตา เธอขยับริมฝีปากซุกซนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเคลื่อนไปที่ริมฝีปากนุ่มของคนที่เธอนั่งตักอยู่
ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าสาวน้อยที่นั่งอยู่บนตัวเหิมเกริมประทับริมฝีปากเล็กนุ่มที่ตำแหน่งไหน
กลีบปากสีพีชของสาวน้อยหยุดนิ่ง
เธอค่อยๆดึงใบหน้าออกห่างจากอีกคน เม้มริมฝีปากลิ้มรสของหวานที่เธอเพิ่งชิม
เมื่อครู่นี้มันรู้สึกดีมาก...มากกว่าครั้งไหนๆที่เธอเคยจูบหล่อน
เพราะครั้งนี้เธอมีสติครบ และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร
ใบหน้าของมะปรางร้อนผ่าว ริมฝีปากก็ร้อน... เธอเห็นคนอายุเยอะกว่ามองเธอด้วยความแปลกใจ
พี่เกดคงคาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้...ก็ไม่แปลกหรอกนะ
เพราะเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเหมือนกัน โดยไม่คาดคิดมะปรางทำแบบที่ทำเมื่อครู่อีกครั้ง
“อืม..” มะปรางเปล่งเสียงออกจากลำคอเบาๆในตอนที่ริมฝีปากของเธอประกบกับหล่อนอีกครั้ง
เธอดันใบหน้าเข้าหาหล่อน และหล่อนคงจะหงายหลังเลยดันศีรษะผลักเธอกลับมา
เธอผลักใบหน้าของหล่อนอีกครั้ง มือขวาของเธอลูบไล้แผ่นหลังของหล่อน
ส่วนมือซ้าย
มะปรางรู้ตัวอีกทีก็มีสัมผัสของสิ่งกลมมนนุ่มนิ่มอยู่เต็มฝ่ามือของเธอ
เมทินีช็อคที่มือเล็กเรียวกำลังเกาะกุมหน้าอกของเธอ
แถมหล่อนยังทำหน้าเคลิ้มน่าตีแบบนั้นอีก
เธอวางร่างที่นั่งอยู่บนตัวเธอลงกับเตียงอย่างอย่างนุ่มนวล
มือซนของเด็กสาวช่างซนมากเสียจนเธออยากจะตีก้นหล่อน
“หยุดก่อนมะปราง” เมทินียกมือจับมือของมะปรางที่กุมหน้าอกของเธออยู่หยุดการเคลื่อนไหวของมือบางที่กำลังสัมผัสร่างกายของเธอ
พยายามข่มอารมณ์ ถอนริมฝีปากจากหล่อน จ้องดวงตาของสาวน้อยและถามด้วยเสียงจริงจัง
“แน่ใจนะคะว่าจะไม่มาเสียใจทีหลัง...มะปรางพร้อมแน่นะ”
มะปรางหายใจเข้าออกถี่เร็วหลังจากถอนริมฝีปาก
เธอมองผู้หญิงที่นอนกึ่งตะแคงข้างกึ่งคร่อมตัวเธออยู่
ดวงตาของมะปรางสั่นระริก เธอกลัวการทำเรื่องอย่างว่า เพราะเธอไม่เคยทำ
และมันก็ดูน่ากลัวไม่น้อย
แต่ถ้าคนตรงหน้าเธอสวยขนาดนี้...มันจะต้องสวยงาม
ถ้าหล่อนอ่อนโยนขนาดนี้...มันคงไม่น่ากลัวขนาดนั้น...
มะปรางพยักหน้า
ความหอมยั่วยวนใจประทับลงริมฝีปากสีพีชจนศีรษะที่กำลังก้มอยู่นั้นถูกดันจนต้องเงยหน้าขึ้น สัมผัสหวานละมุนปนเผ็ดร้อนเหมือนรสชาติของไวน์ชั้นดีที่รุกร้ำเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นเรียวสอดใส่เข้ามาฉกสติของเจ้าตัวจนรู้สึกหัวหมุนโลกตีลังกา
“อื๊ม...”
มะปรางหลับตาพริ้ม สองมือลูบไล้แผ่นหลังของคนอายุมากกว่าอย่างเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากที่อร่อย...ที่ได้ลองแลกชิมอย่างยาวนานและดูดดื่มเป็นครั้งแรก...และสัมผัสเนียนลื่นของแผ่นหลัง... มะปรางไม่อยากจะหยุดจูบหรือหยุดลูบไล้ร่างกายนี่เลย...
หน้าอกหน้าใจของหล่อนที่กดทับลงบนอกของเธอ...ทุกการเคลื่อนไหวของการหายใจ...ทุกการบดเบียด...มันช่าง...
บอกทีว่าเธอไม่ได้อยู่บนสวรรค์ หรือทั้งหมดนี่คือเธอแค่ฝันไป...? ผู้หญิงคนนี้...กำลังจะเป็นของเธอ เรากำลังจะเป็นของกันและกัน... มันนานแค่ไหนแล้ว...? นานจนรู้สึกราวกับนิรันด์ที่เธอเฝ้าแต่คิดถึงหล่อนรอที่จะให้เราสองคนได้พบเจอกันแบบนี้อีก...
นิรันด์งั้นหรอ...?
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกแบบนี้...
แต่มะปรางรู้สึกปิติจนดวงตาเริ่มเห็นห้องพร่ามัวเพราะถูกหยาดน้ำใสๆบดบัง
นี่ไม่ใช่ฝัน…
มันเป็นความจริง
เมทินีค่อยๆผละออกจากริมฝีปากที่มีรสชาติเหมือนเค้กวนิลาหอมกรุ่นของเด็กสาววัยแรกแย้ม เค้กชิ้นนี้หวานและอร่อยเหมือนกับขนม เตอร์คิช
ดีไลท์ ที่มีมนต์วิเศษทำให้อยากจะกินต่อไปเรื่อยๆอย่างคลั่งไคล้...
หล่อนช่างน่ากัดให้จมเขี้ยวและเคี้ยวช้าๆให้รู้สึกทรมานเล่นเสียจริง
เธออยากจะแกล้งหล่อนให้ร้องไม่เป็นภาษาอีกครั้งใจจะขาดแล้ว...
อีกครั้ง...?
เมทินีเผยอริมฝีปาก ส่งปลายลิ้นแนบที่สันกรามของขนมหวาน ค่อยๆไต่ชิมขึ้นไปจนถึงติ่งหู เธองับมันเบาๆส่งผลให้ร่างที่นอนอยู่ใต้เธอสะดุ้ง หลุดเสียงครางแผ่วเบาออกมา
“อา..”
คิดถึง... คิดถึงจังคนดี…
เมทินีไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคิดถึงหล่อนมากขนาดนี้
ราวกับหล่อนเป็นบางอย่างที่ขาดหายไป...ที่เธอเคยทำหล่นหายไป...และในที่สุด...ก็ได้กลับคืนมา
มันแปลก..มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกคิดถึงเด็กสามขวบคนนั้นเท่านั้น มันมากกว่านั้น...
ทำไมนะ.. ทำไมถึงได้รู้สึกผูกพันกับหล่อนมากขนาดนี้
ราวกับว่าก่อนหน้านี้พวกเธอเคยรู้จักกันมาก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้...ในความทรงจำอันเลือนรางคล้ายกับภาพในความฝัน...สองเราเคยนอนกอดก่ายกันด้วยความรักแบบนี้มาก่อน
มือของเมทินีสอดเข้าไปใต้ชุดราตรีของมะปราง ลูบไล้ต้นขาเนียนนุ่มน่าสัมผัส ขณะที่ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับใบหูข้างที่มีรอยสักเพชฌฆาตสีแดงประทับอยู่ รอยประทับสีเพลิงรู้สึกถึงผู้เป็นนายเก่า มันสว่างวาบชั่วครู่เป็นการตอบรับการทักทายของนายสาว เมทินีโลมเลียใบหูของมะปราง ดูดเบาๆ...ปล่อย...และขบ…ปล่อย...ขบ..
มะปรางรู้สึกหูอื้อ ความร้อนเปียกสากที่ฉกชิมใบหูของเธอทำให้ตัวเธอสั่นสะท้าน ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ลิ้นของเมทินีหยุดหยอกเย้าใบหูของเธอและทำท่าว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไปที่อื่น มะปรางผลักร่างของคนผิวแทนออกจากกาย
“อ๊ะ..” เมทินีอุทาน ก่อนจะประหลาดใจยิ่งกว่าที่ไหล่ของเธอถูกมือบางของสาวน้อยดันจนติดกับที่นอน ตามมาด้วยน้ำหนักของตัวของเด็กน้อยที่ปีนคร่อมสะโพกของเธอ เมทินีกลั้นยิ้มอย่างประหลาดใจระคนเอ็นดู “น้องมะปราง..อยากเป็นฝ่ายรุกก่อนหรอคะ”
“อือ...” มะปรางยอมรับอย่างอายๆด้วยเสียงแผ่วเบา บางอย่างในกาย ทำให้เธออยากครอบครองหล่อนมาก...จนไม่อยากเสียเวลารออะไรทั้งนั้น
เมทินีหัวเราะพอใจในลำคอ เธอหันมองข้างตัว คว้าผ้าสีขาวที่เธอใช้ผูกมือของมะปรางกับราวม่านเตียงเมื่อก่อนหน้านี้ ตวัดมันรอบข้อมือทั้งสองของตน รัดตรึงไว้ที่โครงเหล็กหัวเตียงอีกครั้ง
มะปรางมองดูหล่อนทำเช่นนั้นด้วยความแปลกใจ คนอายุเยอะกว่าใช้ฟันกัดดึงปลายของผ้าขณะที่ดวงตาช้อนมองมะปรางอย่างเซ็กซี่ เผยอริมฝีปากอย่างยั่วยวน...
มะปรางกลืนน้ำลายลงคอ ให้ตายซี่…
เมทินีเชิดคางขึ้น ปรายตามองสาวน้อยอย่างเชื้อเชิญ มะปรางก้มมองเธอด้วยสายตากระหาย กวาดตามองร่างยาวหุ่นแบบนาฬิกาทรายที่ถูกตรึงไว้กับเตียง
เมื่อหล่อน...อยู่ใต้ความต้องการของเธอแบบนี้...
เธอควรจะทำอะไรหล่อนก่อนดีนะ..?
มะปรางโน้มตัวลงเข้าหาผู้หญิงใต้ร่าง กดกลีบปากลงบนริมฝีปากนุ่มของอีกคน สองมือกดลงบนอกของหล่อน
อา...ใช่...มันคือความจริงจริงๆด้วย
“อืมมม” เมทินีร้องครางในลำคออย่างพอใจ
มะปรางถอนจูบและเคลื่อนริมฝีปากลงประทับบนลำคอระหง เมทินีหันศีรษะหนีไปอีกทางอย่างเคลิบเคลิ้ม สาวผิวขาวโลมเลียลำคอของเมทินีครู่หนึ่งก่อนยกศีรษะตามล่าริมฝีปากของหล่อนที่หันหนีเธอไปทางอื่น
“พี่เกด..อืมม..อืมม..”
มือบางของสาวน้อยเลื่อนลงจากอกอิ่มไปที่ซิปของชุดราตรีที่อยู่ตรงกลางระหว่างปทุมถัน เธอถอนริมฝีปากออกจากความหวานลึกล้ำ หน้าผากยังคงแนบอยู่กับหน้าผากของหล่อน จมูกยังคงชนปลายจมูก เธอหายใจถี่ด้วยความเขินอาย
แต่ความปรารถนานั้นมีมากกว่าความเขินอายไม่รู้กี่เท่า... มะปรางรูดซิปลงช้าๆ
ทรวงอกอูมเต่งตึงที่มีเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีน้ำเงินสลับขาวถักทอเป็นลวดลายสวยงามอำพรางความงามของผิวเนียนค่อยๆเผยสู่สายตาของมะปราง...
สาวน้อยเบิกตาโต
ก้มมองดูเนินเนื้ออวบอิ่มที่อยู่ใต้ลำตัว ค่อยๆคลานถอยลงจากตัวอีกคนจนศีรษะของเธออยู่ในระดับเดียวกับความงามนั้น เธอได้ยินเสียงหอบหายใจของตนเองดังฟังชัด ขณะที่ทรวงอกของผู้หญิงผิวแทนเริ่มขยับขึ้นลงเร็วกว่าปกติ
ธรรมดาแล้วเมทินีไม่ค่อยชอบถูกเป็นฝ่ายรัดตรึงกับเสาเตียง เธอชอบที่จะเป็นฝ่ายยั่วอารมณ์ผู้อื่นมากกว่า แต่...มันน่าสนใจและวาบหวามหัวใจอย่างยิ่งเมื่อต้องจินตนาการและคาดดเดาว่าเด็กน้อยใสซื่อนี่คิดจะทำอะไรกับร่างกายของเธอบ้าง เธอรอ...อย่างกระหาย...รอให้หล่อนปลดปล่อยอารมณ์ลงบนผิวกายของเธอ..
ลมหายใจร้อนๆของมะปรางปะทะกับเนินอกของอีกฝ่าย มือเรียวรูดซิปของชุดลงลึกกว่าเดิมเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบที่มีกล้ามท้องเล็กน้อย และผิวเนียนละเอียดสีน้ำผึ้ง มะปรางไม่รู้ตัวว่ามือของเธอสั่นจนกระทั่งตอนที่เห็นว่าหลังมือของเธอสั่นด้วยตาตัวเองนั่นแหละ
เธอประทับริมฝีปากลงบนผิวท้องเรียบเนียนของหล่อน กดจูบเน้นย้ำ..ซ้ำๆ หน้าท้องของเมทินีหดเกร็ง ลำตัวช่วงอกแอ่นขึ้นจนสุด มะปรางรู้สึกพึงพอใจและประหลาดใจในขณะเดียวกันที่ได้รู้ว่า การกระทำของเธอได้รับปฏิกิริยาตอบรับมากแค่ไหนจากหล่อน...
สาวน้อยเลื่อนจูบขึ้นไปที่ใต้ราวนมของสาวใหญ่ และคิดที่จะเลื่อนสูงขึ้นไปอีกแต่กลับชนเข้ากับสัมผัสนุ่ม...ฟู ของบางอย่าง...?
“เมี้ยว..”
เอ๋...มะเขือน้อย!?
หน้าผากของมะปรางแนบอยู่กับพุงของลูกแมวตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าปีนมาอยู่บนตัวเจ้านายของมันตั้งแต่เมื่อไหร่!?
สาวน้อยยกศีรษะขึ้น เอียงคอหลบมันเพื่อจะสานต่ออารมณ์ที่กำลังได้เมื่อครู่ แต่มะเขือน้อยกลับกลิ้งตัวตามใบหน้าของเธอ
เมทินีรู้สึกจั๊กจี้ที่หน้าอก เธอทั้งขำทั้งอยากจะร้องไห้ที่เจ้าเหมียวสัตว์เลี้ยงของเธอปีนขึ้นมาบนตัวและกำลังขัดขวางลูกแมวน้อยอีกตัวจากนมแม่แมว
เมทินีจั๊กจี้และขำจนหลุดเสียงออกมา
มะปรางขมวดคิ้วมุ่น เธอเอื้อมมือกะจะคว้าเจ้าแมวน้อยไปวางที่อื่นให้พ้นทาง แต่มะเขือน้อยกลับนอนหงายท้องที่กลางอกของเมทินีและคิดว่าเธอกำลังเล่นกับมัน...หรือบางทีมันอาจจะแค่อยากขัดอารมณ์เธอ
“มะเขือน้อย!!” มะปรางส่งเสียงดังอย่างไม่พอใจเมื่อเจ้าแมวเห็นนิ้วของเธอเป็นของเล่น และพยายามจะตะปบนิ้วมือของเธอ…มันใช่เวลามั้ยล่ะ!
เมทินียังคงหัวเราะ มองดูทั้งสองทะเลาะกันบนอกของเธออย่างเอ็นดู เธอขยับร่างกายท่อนบน ช่วยมะปรางอีกแรงด้วยการพยายามเทเจ้าเหมียวตัวจ้อยให้ลงจากอกของเธอ
แต่มะเขือน้อยผู้ขาดความรักไม่ยอมง่ายๆ
“อ๊ะ..” เมทินีกัดปากร้องซี้ดเบาๆเพราะเนินอกของเธอถูกคมเล็บของลูกแมวเกาะเกี่ยวเป็นที่ยึดเหนี่ยวของมัน “อ๊ะ...มะเขือน้อย..อย่า..” เมทินีตะแคงลำตัวมากขึ้น เขย่าร่างกายหวังให้ลูกแมวหลุดออกจากผิวหนังของเธอแต่ไม่เป็นผล
ดวงตาเล็กของมะปรางค่อยๆขยายออก แวบแรกของความรู้สึกที่ได้ยินเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเมทินีเข้ามาในหูคือ...เธอเป็นห่วงหล่อน
ส่วนที่เหลือ...มันทำให้เธอมีอารมณ์
มะปรางพยายามตั้งสติ เธอค่อยๆแกะเล็บของมะเขือน้อยที่เกาะอยู่กับหน้าอกของเมทินี มะเขือน้อยดิ้นไปมา เปลี่ยนจากจิกหน้าอกไปจิกเนื้อผ้าที่คลุมเนินเนื้อของสาวผิวเข้มแทน มะปรางไม่ยอมในความดื้อของเจ้าเหมียว เธอพยายามแกะมันออกอีกครั้งจนสำเร็จ มือบางโยนเจ้าตัวเล็กทิ้งไปข้างๆ มะเขือน้อยตกปุลงบนเตียง ก่อนจะถูกผ้าห่มหนักๆลอยมาคลุมทับร่างอีกที
“พี่เกด เจ็บรึเปล่าคะ” มะปรางถามด้วยความเป็นห่วง มองรอยข่วนที่ค่อนข้างลึกซึ่งลากเป็นเส้นสีแดงยาวพาดอยู่บนอกอูม
“ฮ่ะๆ...นิดหน่อยค่ะ
อันที่จริงพี่ขำมากกว่าอะ เห้อ..” เมทินีตอบขณะมองดูก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มที่ขยับดุกดิก รู้สึกถึงรอยสักเพชฌฆาตที่กำลังทำการสมานรอยแผลบนอก มะปรางเหลือบตาไปเห็นหัวของแมวสีขาวโผล่ออกมาจากผ้าห่มก็รีบจับมันยัดมันกลับเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจับมันหมุนๆๆเป็นก้อนจนแน่ใจว่ามันจะไม่หลุดออกมาขัดจังหวะเธออีก
“ว่าแต่...มะเขือน้อยทำน้องเสียอารมณ์หมดรึเปล่า?” สาวใหญ่เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงคำถาม
มะปรางละสายตาจากก้อนกลมหันมาสั่นศีรษะตอบ
มะเขือน้อยจอมจุ้นจะจุ้นยังไงเธอก็จะไม่ยอมปล่อยให้มาทำลายเวลาของเธอกับพี่เกดได้หรอก
มะปรางเห็นว่ารอยข่วนที่อกของเมทินีค่อยๆสมานอย่างช้าๆ เลือดส่วนหนึ่งไหลย้อยลงจากปากแผลที่เปิดอยู่ เธอโน้มศีรษะเข้าไปใกล้ ลิ้นเรียวเล็กตวัดชิมเลือดหยดนั้น เมทินีหายใจเข้าลึก
รู้สึกวาบหวามใจที่ลิ้นร้อนของมะปรางแตะลงบนปากแผล มันแสบ..แต่รู้สึกดี... รสชาติของเลือดขมและฝาดแต่มะปรางกลับดูดดื่มมันราวกับเธอเป็นแวมไพร์เฉกเช่นเฌอมาลย์ ยิ่งได้ยินเสียงครางในลำคอของคนถูกดูดเลือดก็ยิ่งบดทับริมฝีปากแนบแน่นกับบาดแผลของหล่อนยิ่งขึ้น
“อื๊อ...มะปราง...” เมทินีครางเสียงระทวย เด็กน้อยจำความรู้สึกที่ถูกเธอดูดกัดลำคอของหล่อนในตอนนั้น...และนำมาใช้กับเธอในตอนนี้...
อีกมือหนึ่งของเด็กสาวเลื่อนไปลูบไล้ต้นแขนที่พาดอยู่เหนือหัวเตียง
ค่อยๆไต่กลับลงมาช้าๆ เกาะกุมที่ปทุมถันอีกข้างที่เป็นอิสระจากริมฝีปากของเธอ เธอนวดคลึงบีบเฟ้นมันอย่างนุ่มนวล
มะปรางนวดเฟ้นทรวงอกนุ่มด้วยความเพลินใจก่อนสะกิดปลดตะขอชุดชั้นในของเมทินีออก
แล้วก็ได้เห็น...รอยสักเพชฌฆาต
งูสองตัวที่เกาะเกี่ยวกันอยู่กลางร่องอกงาม..
มันดึงดูดให้มะปรางเคลื่อนริมฝีปากไปโลมเลียอย่างห้ามใจไม่ได้...
ลิ้นร้อนโลมเลียรอยสักเพชฌฆาตจนเมทินีต้องกัดฟันด้วยความสะท้าน
หลังจากชิมรสชาติของรอยสักจนพอใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็เปลี่ยนเป้าหมาย
พุ่งเข้าฉกยอดอกสีสวยที่แข็งได้ที่ เมทินีบิดกายด้วยความรัญจวน
ทั้งวาบหวามและชอบใจ แต่...นี่มันไม่ใช่ดูดแบบธรรมดา..
เพราะเด็กน้อยคนนี้กำลังดูดกัดยอดอกของเธอราวกับเด็กที่กำลังดื่มนมของแม่
“น้องมะปราง เบาหน่อยสิคะ อื๊อ...มะปราง โอ๊ยไม่เอา..อย่าเคี้ยว..”
ถึงจะได้ยินหล่อนห้ามอย่างนั้น แต่มะปรางยังคงดูดกัดยอดอกของเมทินีอย่างสนุกปาก
เธอมีความสุขมากๆที่ได้ขยำทุกส่วนของเนินเนื้อเนียนนุ่มด้วยฟันและริมฝีปาก...
ลึกๆเหมือนเป็นความปรารถนาของมะปรางสามขวบที่อยู่ภายในตัวเธอที่โหยหายอดอกนี้มาแสนนาน...
เธองับยอดอกของเมทินีต่ออย่างเพลิดเพลินและดูดมันจนเกิดเสียงดังจ๊วบอีกสองสามครั้ง ก่อนจะยอมปล่อยและเงยหน้าขึ้น
มะปรางค่อยๆช้อนตาขึ้นสบตากับหล่อนอย่างสำนึกผิด
เธอยิ้มแห้งเพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกคนเจ็บ แต่ความสามขวบในตัวมันพาให้เธอทำไปแบบนั้นนี่นา...
เมทินีมองค้อนเด็กสาวที่ยิ้มแห้งน่าตีอยู่บนตัวของเธอ
หล่อนรู้ว่าเธอเจ็บ แต่ก็กัดซะจมเขี้ยวขนาดนั้น อย่าให้เธอทนไม่ไหวเมื่อไหร่ จะเอาคืนให้เข็ดเลยเชียว
ใบหน้าของเมทินีร้อนไปด้วยความรู้สึกวาบหวามและเซ็กซี่
เธอไม่คิดว่าเด็กน้อยใสซื่อจะซ่อนความกระหายไว้ในตัวมากขนาดนั้น เธอสัมผัสได้ว่าเนินนูนใต้หว่างขาของร่างบางที่คร่อมหน้าท้องของเธออยู่มันแข็ง...และร้อน...อีกทั้งยังเริ่มจะเปียกชื้น
มะปรางเห็นว่าพวงแก้มของคนอายุมากกว่าขึ้นสีแดงก็อดใจไม่ไหวที่จะไม่เคลื่อนตัวไปจุ๊บแก้มของหล่อน มะปรางประทับจุมพิตลงบนแก้มนวล สองมือเกาะกุมอยู่บนอกนุ่มที่เธอเพิ่งใช้ฟันและลิ้นทรมานมันไปเมื่อครู่
นวดคลึงไปมา ก่อนกลับไปดูดดื่มยอดอกอีกข้างที่ยังไม่พบกับความต้องการของเธอ
เมทินีดันหัวเข่าขึ้นให้หน้าขาของเธอสัมผัสกับความนุ่มของเนื้อผ่านกางเกงในตัวบางที่เต่งพร้อมรับการเสียดสีหัว
เริ่มลากขึ้นลงเสียดสีกับจุดไวต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยที่หล่อนไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน “อ๊ะ..” สาวน้อยครางเสียงสั่น ตัวสั่นสะท้านเพราะสัมผัสที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รู้สึกทั้งเสียวทั้งเกร็งไปหมด มือทั้งสองข้างจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น
“อื๋อ...แม่คะ! -- ”
สองมือของมะปรางตะครุบปากของตน
เธอหันมามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ เมื่อครู่เธอเผลอเรียกหล่อนแบบนั้นไปได้ยังไง!
หน้าของมะปรางร้อนแทบไหม้เพราะความอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
แล้วนี่...ทำไม...พอพูดคำว่าแม่ออกไปแล้ว ต้องนึกถึงที่พี่กวางพูดตอนนั้นอีกแล้ว
“มิลฟ์..”
“หืม?”
“…!!!”
มะปรางช็อคกับตัวเอง ไอที่คิดถึงคำว่า MILF ในหัวเมื่อครู่ เธอดันหลุดพูดออกไป บ้าที่สุด บ้าบอ!
เมทินีหัวเราะคิกคัก หยุดถูไถขากับความสาวของคนบนร่าง เธอขยับตัวบนที่นอนเล็กน้อย เอียงคอ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง
“เมื่อกี๊พูดว่า มิลฟ์ หรอคะ”
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่เกด
หนูไม่เคยดูอะไรแบบนั้นนะคะ” กรี๊ดดดพูดไปก็ยิ่งเหมือนกลบดินบนหลุมศพตัวเอง
แง...พี่เกดจะคิดว่าเธอเป็นคนยังไงเนี่ย TT
เมทินีหลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ใช่ว่าไม่เคยมีคนเรียกเธอแบบนั้นมาก่อนสักหน่อย..
“พี่บีสอนให้เรียกพี่แบบนี้หรอคะ” เมทินีอดสงสัยไม่ได้ว่าบีสามขวบเป็นคนสอนมะปรางหรือเปล่า
“เปล่าค่ะ...พี่กวางเป็นคนสอนค่ะ”
เมทินีเลิกคิ้วสูงยิ่งขึ้น กวาง...
ยัยเด็กที่ดูเหมือนจะใสๆคนนั้นน่ะหรอ?
“กวางบอกว่ายังไงหรอคะ เกี่ยวกับคำนี้”
“พะ.. พี่กวางบอกว่า ที่หนูรู้สึกกับพี่เกด..เหมือนแม่ แต่ก็อยาก...อื้อ นั่นแหละค่ะ คือพี่เกดเป็น มิลฟ์ น่ะแหละ” มะปรางตอบย่างเสียไม่ได้ รู้สึกเขินอายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่กวางสอนให้เธอรู้จักคำนี้ เธอก็ลองค้นหาคำบนอินเทอร์เน็ตแล้วก็ได้รู้ว่านอกจาก MILF จะเป็นคำเรียกผู้หญิงมีอายุที่ยังสวยแซ่บ
ยังเป็นชื่อหมวดหนังผู้ใหญ่ที่ฮอตที่สุดหมวดหนึ่งอีกด้วย ก็เหมือนคนตรงหน้านี่แหละ
ฮอตเป็นบ้า
“อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง” เมทินียิ้มกรุ้มกริ่ม “มะปรางจะเรียกพี่ว่าแม่ก็ได้นะ...ถ้าอยากน่ะ”
มะปรางที่กำลังก้มหน้างุด เงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าฉงน สิ่งที่ออกจากปากของคนอายุเยอะกว่าในวินาทีถัดมาทำเอาเธอลมแทบจับ
“มันเทิร์นออนดี...พี่ชอบ”
(O/////O)!!
#$%!!_$\!&*)@+!!^! พี่เก้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
มะปรางพูดไม่ออก ไปต่อไม่ถูก ตอนแรกก็คิดว่าพี่เกดจะโกรธซะอีกที่เธอเรียกหล่อนแบบนั้น หรือบางทีอาจจะหมดอารมณ์ไปเลยก็ได้ แต่นี่มันเกินคาดไปเยอะเลยที่หล่อนชอบมัน
“มาใกล้ๆสิคะ” เมทินีเรียกมะปรางให้เข้ามาใกล้ ถ้าหากมือของเธอไม่ได้ถูกตรึงไว้กับหัวเตียง เธอคงจะดึงสาวน้อยเข้ามาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือเสียเวลาให้หล่อนนั่งยั่วเธออยู่บนตัวโดยไม่ทำอะไรนานกว่านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
มะปรางทำตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนถูกขโมยจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ขโมยสาวเกี่ยวพันลิ้นร้อนอย่างดูดดื่ม ขณะเดียวกันต้นขาของหล่อนก็คืบคลานเข้าหาความสาวของเหยื่ออีกครั้ง เหยื่อสาวปลดจุมพิต ส่งเสียงครางที่ฟังแล้วปลุกอารมณ์ออกมา สาวใหญ่สั่งให้สาวน้อยเรียกเธออย่างที่เธอพึงใจ อีกคนว่าง่ายยอมทำตาม..
“แม่คะ..อ๊ะ!..อ๊ะ!..อ๊า!!”
เมทินีได้ยินเสียงเพรียกร้องของลูกสาวก็รู้สึกทั้งเสียวซ่านและอบอุ่นผสมผสานปนเปไปด้วยกัน ความรู้สึกทั้งรักทั้งใคร่วิ่งพล่านในกาย
เธอยกศีรษะขึ้นบดทับริมฝีปากกับคอของคนตัวบาง ไต่ขึ้นไปตรึงที่ริมฝีปากหอมหวาน จนเสียงครางของคนผิวขาวหายไปในลำคอ
ต้นขาของเมทินีเสียดสีกับกลีบกุหลาบของมะปรางแรงขึ้นและแรงขึ้น มะปรางกอดรัดร่างอวบอิ่มพลางกัดริมฝีปากของหล่อนเพื่อระบายความเสียวซ่าน
และถูไถสะโพกไปกับต้นขาเนียนนุ่มนั้น...
สาวร่างบางตัดสินใจกดเข่าที่สร้างความสุขสมให้เธอลงเพราะเธอรู้สึกเหมือนร่างกายจะทนไม่ไหว ซึ่งดูจะเป็นการขัดใจคนใต้ร่างพอสมควร
มะปรางประทับจุมพิตให้คนผิวแทนเป็นการง้อเบาๆที่เธอขัดใจหล่อน สองมือค่อยๆทำการปลดชุดราตรีที่หล่อนสวมใส่อยู่ออก นี่มันชุดบ้าอะไรคะแม่ขา...แค่สะกิดก็หลุดแล้วอะ ฮือออ เธอดึงชุดราคาแพงของหล่อนออก และเมื่อสำเร็จภาพที่เห็นก็คือนางแบบชุดชั้นในที่สวยเย้ายวนใจที่สุดคนหนึ่ง... มือของเธอสั่นระริก ลมหายใจเข้าออกแรงขึ้นเรื่อยๆขณะที่เธอนอนราบกับเตียงและค่อยๆดึงกางเกงชั้นในออกจากสะโพกงาม
ในขณะที่สาวตาปรือกำลังตกตะลึงในความงามที่ทำให้เธอลมแทบจับ และชีพจรเต้นแรงกว่าปกติหลายร้อยเท่า
คนผิวแทนก็ค่อยๆขยับเรียวขางามออกกว้างขึ้นเพื่อให้อีกคนมองเห็นมันได้ชัดกว่าที่เป็นอยู่ มะปรางหายใจเข้าลึก พยายามเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปไกลให้กลับมา เสียงครางอืมในลำคอของคนเป็นแม่เหมือนดั่งมนต์สะกดให้เธอเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้
มะปรางเคลื่อนศีรษะเข้าไปหาปากกลีบกุหลาบ แตะลิ้นลงบนความนุ่มที่ร้อนและชุ่มฉ่ำ
“ฮ๊า..อา..มะปราง...” เสียงครางอย่างพออกพอใจของสาวใหญ่สร้างความหวิวในช่องท้องของเธอ เธอกดลิ้นลงไปหนักหน่วงยิ่งขึ้น
แต่แล้วจู่ๆภาพที่มะปรางไม่ได้หวังจะได้เห็นปรากฏขึ้นในสายตา
ภาพความทรงจำที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เคยนั่งอยู่ตรงนี้ ในท่าเดียวกันนี้ สร้างความสุขให้แม่ของเธอ..
“อ๊ะ...อ๊า!! มะปราง อะ..อ้ะ...”
มะปรางคิดในใจว่าเธอจะไม่ยอมแพ้บาร์บี้...ผู้หญิงที่สองแขนของเธอจับเรียวขาของหล่อนอยู่
จะต้องมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำให้ไม่แพ้กับที่ผู้หญิงคนนั้นมอบให้
“อืม...แม่ขา..อืมม” มะปรางดูดดื่มโลมเลียเกสรและกลีบกุหลาบของเมทินีอย่างหนักหน่วง น้ำหวานจากร่างของหล่อนอร่อยอย่างที่สีหน้าของสาวหน้าฝรั่งเคยบอกไว้ในฝัน มะปรางช้อนตามองใบหน้าของคนอายุเยอะกว่า เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดกับรอยยิ้มแห่งความสุขขณะที่หอบหายใจนั่นก็ยิ่งลงน้ำหนักของลิ้นมากขึ้น
รัวเร็วยิ่งขึ้น สะโพกกลมกลึงของเมทินีสะบัดตอบรับริมฝีปากของมะปรางรัวเร็วเช่นกัน
“อะ..อ๋าาา!!! ไรท์แดร์..อะ..อ๊ะ!!
เยสเยสเยสเยสๆๆๆๆ อ๊าาาาา!!!”
มะปรางพอใจเป็นอย่างมากที่หล่อนร้องเสียงดังลั่นห้อง เพราะตอนที่ผู้หญิงหน้าฝรั่งทำในตอนนั้น หล่อนไม่ได้ร้องครางเสียงดังเท่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นหล่อนกำลังไม่ได้สติอยู่ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กระนั้นมะปรางก็รู้สึกดีเหมือนกับได้ชัยชนะเหนือยัยบาร์บี้ตุ๊กตายาง
และในที่สุดลิ้นของมะปรางก็ผลักดันจนร่างของเมทินีกระตุกถี่อย่างรุนแรง หัวใจเต้นระรัวราวกลองรบขณะที่น้ำสีขาวขุ่นกำลังหลั่งออกมาจากเกสรงาม โดยสัญชาตญาณมะปรางตวัดลิ้นชิมมันและกลืนมันลงคอ ถึงจะประหลาดใจที่ตัวเองโหยหิวอะไรมันเบอร์นั้น แต่ลิ้นก็ยังคงทำไปตามใจ..อร่อย..ชอบ..
“แฮ่กๆ...พอก่อนค่ะ..มะปราง..” เมทินีรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทัน และกลัวว่ามือใหม่ที่กำลังทำให้เธออยู่จะหายใจไม่ทันเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอสะบัดสะโพกใส่หล่อนแรงมากจนศีรษะของหล่อนโยกเป็นจังหวะรุนแรงจนหวั่นว่าคอของหล่อนจะเคล็ด
มะปรางไม่ได้ยินเสียงของอีกคนเลยสักนิด รู้สึกเหมือนตนเองกำลังเมาจนไม่ได้สติ—ใช่ว่าเธอเคยเมาเหล้าจริงๆซะที่ไหน ถ้าจะเมาอะไรก็คงเมาน้ำกามรมย์ของหล่อนเป็นอย่างแรกนี่แหละ—กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คือเมื่อตอนที่ร่างของเธอถูกฉุดขึ้นจากที่นอน ไม่รู้ว่าเมทินีปลดผ้าที่ผูกมือเธอไว้กับหัวเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนรวบร่างบางแนบชิดกายและแลกจูบเร่าร้อนกับหล่อน ยังคงหอบหายใจแรงจากการเสร็จสมอารมณ์หมายเมื่อครู่
เมทินีรู้สึกทึ่งและแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่ามะปรางจะเก่งขนาดนี้ เหมือนกับว่าหล่อนรู้ว่าเธอจะขึ้นสวรรค์เร็วขึ้นถ้าทำตรงนั้น...รู้ได้ไง?
มะปรางถอนจูบจากริมฝีปากหวาน สบตาคนหน้าคมก่อนเสสายตาไปทางอื่น เอ่ยถามเสียงแผ่ว “ชอบมั้ยคะ”
เมทินีรู้สึกจะละลายไปกับคำพูดของเด็กน้อย ...น่ารักชะมัดเลย
“ชอบสิคะ ชอบมาก คนเก่ง..ไปฝึกมาจากไหนคะเนี่ย”
“บาร์บี้...” มะปรางตอบ เธอก้มหน้า “หนูไม่ได้เก่งเองหรอกค่ะ เคยเห็นเธอทำให้แม่ขา ก็แค่ทำตาม”
เมทินีตกใจไม่น้อยที่ได้ยินสรรพนามเรียกสิรินยาหลุดจากปากของเด็กน้อย รับรู้ได้เลยว่าหล่อนกำลังรู้สึกน้อยใจ หรือบางทีอาจจะมีความโกรธอยู่ในนั้นด้วย
“อ้อ..” เมทินีลากเสียงยาว นิ้วชี้เชยคางมนของมะปรางขึ้นให้สบตากับเธอ
“แต่พี่ชอบที่มะปรางทำมากกว่าที่บาร์บี้ทำอีกนะ”
มะปรางหน้าแดง
“โกหก..หนูจะเก่งกว่าคนที่ช่ำชองขนาดนั้นได้ยังไง”
ใช่..เธอรู้ว่าพี่เกดแค่โกหกเพื่อให้เธอสบายใจ
“โถ่....มะปรางขา ตอนนี้อาจจะยังไม่เก่ง
แต่ฝึกกับพี่บ่อยๆเดี๋ยวก็เก่งกว่าเองแหละ”
ได้ยินอย่างนั้นแก้มของมะปรางก็ยกขึ้นจนเป็นลูกกลม
ทั้งเขินและอาย แล้วก็ดีใจที่คนเป็นแม่ว่าอย่างนั้น
เมทินีไม่ว่าเปล่า เธอจับตัวมะปรางให้หันไปอีกทาง พาดเรียวขาทั้งสองคร่อมตัวหล่อนจากทางด้านหลัง มะปรางตกใจที่จู่ๆก็ถูกใครบางคนเข้าซ้อนร่างกาย
ความนุ่มนิ่มกลมมนสัมผัสกับแผ่นหลังทำเอาหน้าของมะปรางร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
สองขาเรียวยาวของคนอายุมากกว่าเวลานี้แนบชิดกับขาทั้งสองข้างของเธอ เมทินีปลดจี้ขนมนุษย์หมาป่าออกจากลำคอขาวแล้ววางมันลงกับเตียง
ตามด้วยรูดซิปปลดชุดราตรีสีดำแวววาวออกจากร่างบาง ยกมือสัมผัสแผ่นหลังขาวนวล ลูบไล้ไปมาอย่างเบามือ เธอพรมจุมพิตอ่อนโยนลงบนแผ่นหลังบางและไต่ต้อยขึ้นไปหาลำคอ นิ้วเรียวเชยใบหน้าน่ารักของหญิงสาวให้หันมาหาแล้วบรรจงกดจูบลงบนกลีบปากกลิ่นวนิลา
มะปรางรู้สึกระทวยภายในอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนเป็นแม่
ร่างกายของหล่อนส่งความอบอุ่นมาให้จนเธอรู้สึกร้อนรุ่ม และรสจูบดั่งไวน์หอมที่กล่อมให้เธอรู้สึกร้อนมากขึ้นทุกทีทุกที...ทั้งๆที่มันไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะเธอรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายร้อนถึงขีดสุดแล้ว
นิ้วเรียวของเมนเทอร์สาวสอดผ่านเข้ามาในกางเกงชั้นในตัวบางและสัมผัสบนเกสรร้อนๆ นิ้วเรียวนั้นวาดวนอย่างอ้อยอิ่ง อ่อนโยน เช่นเดียวกับจูบ ก่อนจะหนักหน่วงรุนแรง...ร้อนแรงขึ้น เฉกเช่นแรงจูบเช่นกัน
สาวน้อยถอนจุมพิตเพื่อขออากาศหายใจ มือข้างหนึ่งเกาะลำคอของคนที่อยู่ข้างหลังเพื่อระบายความเสียวซ่าน ริมฝีปากร่ำร้องอีกฝ่ายด้วยสรรพนามว่าแม่ไม่หยุด
“อ๊ะ!! อะอ๊า!!! แม่ขา!! อ๊ะ..อ๊ะ..!!
อื๊อออ!! แม่คะ!! อ๊ะ! อ๊าาาาา!!!”
เมทินีปั่นนิ้วรัวเร็วบนความสาวของร่างบาง ริมฝีปากกัดที่ใบหู โลมเลียรอยสักเพชฌฆาตที่สว่างจ้าบนผิวหนังของมะปราง ถ้ามะปรางหันมาเห็นใบหน้าของเธอในตอนนี้จะได้รู้ว่าความเซ็กซี่ที่แท้จริงเป็นอย่างไร...
แต่ตอนนี้หล่อนกำลังร้องโหยหวนด้วยความสุขและความเจ็บปวด และเป็นอีกครั้งที่คนอายุน้อยพยายามหยุดอีกคนเมื่อเธอใกล้มาถึงขีดสุด แต่ครั้งนี้เมทินีไม่ยอมถูกขัดใจอีก
เธอคว้ามือเรียวของมะปรางกับเหยี่ยวตะปบเหยื่อ
มะปรางหายใจเข้าดังเฮือก...
เพราะเมทินีได้ยัดทั้งนิ้วของหล่อนและนิ้วของเธอเองเข้ามาในร่างของหล่อน...
“อะ...เจ็บ...” มะปรางรู้สึกจุกจนร่างกายนิ่งค้าง
ร้องไม่ออก
เมทินียิ้มกริ่มอย่างพอใจ
“เจ็บแต่น้องจะชอบค่ะ เชื่อพี่...
ถ้าหยุดตอนนี้ก็ไม่ถึงสวรรค์สิคะ”
เมทินีกระชับมือของมะปรางแน่นและบังคับให้หล่อนสอดใส่นิ้วร่วมไปกับเธอ เมื่อดันเข้าไปได้ ทั้งสองก็เริ่มประสานจังหวะร่วมบรรเลงเพลงรักไปด้วยกัน อีกมือหนึ่งของเมทินีปลดชุดชั้นในสีฟ้าอ่อนติดระบายเล็กๆออกก่อนเข้าหยอกเย้ากับปทุมถันของคนอายุน้อยกว่า มะปรางเปล่งเสียงครางหงิงเบาๆในลำคอ
ยอดอกสีชมพู
และหน้าอกขนาดพอดีมือที่ขาวผ่อง กระชับ เต่งตึงของสาวน้อยเป็นที่ถูกอกถูกใจคนอายุเยอะกว่าเป็นอย่างมาก
เมทินีบีบคลึงมันอย่างมีความสุข ก่อนจะแกล้งคืนที่หล่อนเคยทำกับยอดอกของเธอไว้ด้วยการหยิกแรงๆจนหล่อนร้องโอ๊ยออกมาขณะที่กำลังครวญคราง เมทินีขำกิ๊กกับปฏิกิริยาของหล่อน
มะปรางมองค้อนใส่คนข้างหลัง ก่อนถูกจุมพิตสุดเผ็ดร้อนจู่โจมใส่อีกครั้ง
นิ้วหนึ่งของเมทินีและอีกหนึ่งนิ้วของมะปรางที่อยู่ในกายเร่งใส่จังหวะที่หนักหน่วงและลงลึกจนส่งเสียงดังให้ได้ยินทุกครั้งที่ชักเข้าออก ในตอนแรกเมทินีเป็นฝ่ายที่คุมจังหวะของนิ้วทั้งสอง แต่แล้วเธอก็แกล้งปล่อย
ไม่บังคับนิ้วมือของมะปรางอีก แต่กลายเป็นว่ามะปรางเองที่สานต่อจังหวะนั้นและบังคับให้นิ้วมือของเมทินีเคลื่อนไหวไปตามแรงนิ้วของเธอ
เมทินียกยิ้ม ใช้มืออีกข้างที่ว่างสัมผัสและเสียดสีเมล็ดความอ่อนไหวของมะปราง ทำเอาสาวน้อยต้องปลดจุมพิตแล้วร้องครางในลำคอเสียงดังลั่น
“อ๋าาาาา อื๋ออออซี้ดดดดดด!!!”
ตาดำของมะปรางค่อยๆเหลือกขึ้นจนกระทั่งครึ่งหนึ่งหายไปหลังเปลือกตา ความสุขและความเสียวซ่านค่อยๆทวีคูณขึ้นเรื่อยๆจนจวนเจียนจะพาตัวเธอระเบิดเหมือนบอลลูนอัซก๊าซมากเกินไป มะปรางร้องครางลั่น นิ้วของเมทินีทำเธอร้องอย่างต่อเนื่องจนเสียงหลงจังหวะ
เมทินีกระทำจุดอ่อนไหวของมะปรางซ้ำๆจนกระทั่งช่องความงามของสาวน้อยบีบรัดนิ้วของผู้หญิงทั้งสองแน่น ของเหลวอุ่นๆไหลทะลักออกมาจากกุหลาบงาม มะปรางตัวสั่นเกไปหมดทั้งตัว เธอหอบหายใจ ก่อนจะทิ้งร่างที่อ่อนแรงเหมือนของเหลวลงกับอกนุ่มของคนด้านหลัง
“แฮ่กๆ อือ...แม่ขา..” เมทินีดึงนิ้วของตนกับของสาวน้อยออกจากร่างกายบอบบาง เมทินียกนิ้วแตะที่ริมฝีปากของมะปราง
สาวน้อยงับนิ้วของหล่อนและดูดเลียอย่างมัวเมา
เช่นเดียวกัน...เด็กสาวส่งนิ้วของตนที่อาบไปด้วยคราบน้ำหวานให้คนผิวแทนดูดดื่มด้วย
เมทินีจุมพิตเรือนผมของมะปราง ลูบเบาๆอย่างเอ็นดู สายตามองไปที่ก้อนผ้าห่มกลมๆที่กลิ้งขลุกขลักบนเตียงอย่างฉงน มันกลิ้งไปมาก่อนจะหล่นตุบลงจากเตียงพร้อมกับเสียง “เมี้ยว” และบางอย่างที่หล่นลงจากข้างหลังโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
มุมปากของเมทินียกขึ้นเป็นรอยยิ้ม...
“น้องมะปราง” เธอเรียก
“คะ” มะปรางขานอย่างเหนื่อยอ่อนพลางเงยหน้ามองเมทินี
ดวงตาปรือเห็นคนหน้าคมมองไปที่โคมไฟก็มองตาม หล่อนสั่งให้เธอไปเก็บของที่มะเขือน้อยทำตกจากเตียงเมื่อครู่ มะปรางรับคำอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วค่อยๆคลานไปเก็บบางสิ่งที่วางอยู่กับพื้น
และเมื่อเห็นชัดๆว่ามันคืออะไรก็ตาโต
ขุ่นแม่ยยยยยย!!!!!!
เมทินีเห็นมะปรางนิ่งเป็นรูปปั้นก็ขำกิ๊กในใจ เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาหล่อน
ก่อนคว้าเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา ปักมันลงกับเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง
จังหวะเดียวกับที่เธอปักมันลงกับเก้าอี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่มะปรางสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวสันหลัง
มะปรางรู้สึกกลัวและสงสัย เธอมองเจ้าแท่งอวัยวะปลอมสุดพิศวงนั่นอย่างหวาดระแวง
เมทินีกระดิกนิ้วเรียกมะปรางให้เข้ามาหา
มะปรางเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
ดวงตาของสาวน้อยมองที่เมทินีอย่างลังเลสลับกับมองเจ้าแท่งอวัยวะปลอมนั้น และเมื่อเธอเดินมาถึงเก้าอี้ที่มีแท่งสีเนื้อปักอยู่ก็สั่นศีรษะดิ๊กให้อีกฝ่ายเป็นสัญญาว่า
...ไม่เอา
เมทินียิ้มขำด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจับมะปรางหันหลัง
แล้วกดตัวให้หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ฟังคำปฏิเสธใดๆที่ปากจิ้มลิ้มกำลังคัดค้าน มะปรางนั่งลงพร้อมหลับตาปี๋ด้วยความกลัวว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมขนาดยักษ์เข้ามาอยู่ในร่างกาย
...แต่เปล่า
มะปรางลืมตาขึ้น ก้มหน้าลงดูระหว่างขาของตน แล้วพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ระหว่างขาทั้งสองของเธอมีแท่งเนื้อที่เธอกลัวว่ามันจะปักเข้ามาในร่างเมื่อครู่ตั้งชูชันอยู่
เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ถ้าไม่ได้จะให้เธอ...
แล้วพี่เกดจะทำอะไรกับมันล่ะ...
เมทินีปล่อยมือจากไหล่บาง หมุนกายหันหน้าเผชิญกับคนอายุน้อย ก่อนจะตวัดขาคร่อมบนร่างของหล่อน
และนั่งลงบนตัก แท่งเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่กลางหว่างขาของมะปรางค่อยๆเสียบเข้าร่างของสาวหุ่นนาฬิกาทราย
ลึกขึ้นเรื่อยๆตามน้ำหนักที่หล่อนทิ้งตัวลงบนตักของมะปราง...
“ฮ่ะ..” เมทินีขยับสะโพกหาตำแหน่งที่ถูกต้อง
ก่อนกดทั้งตัวลงไป มะปรางเบิกตาโต รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำตรงท่อนล่างของร่างกายตนที่ค่อยๆกลับมาไหลเวียนอีกครั้ง
เมื่อเมทินีสามารถยัดแท่งเนื้อเข้าไปในร่างกายได้สำเร็จจนมิด ก็เงยหน้ามามองที่มะปรางแล้วส่งยิ้มที่มีเสน่ห์ยั่วยวนให้
เธอโน้มใบหน้าลงไปหาและประทับริมฝีปากกับวนิลาหวาน
ก่อนจะปล่อยจุมพิตและทำซ้ำอีกครั้ง
เริ่มเคลื่อนไหวลำตัวช่วงบนและสะโพกด้วยลีลาเซ็กซี่เหมือนงูที่ไร้กระดูก
สองมือของมะปรางลูบไล้ต้นขาเนียนนุ่ม หยุดเกาะกุมบั้นท้ายงามที่กำลังร่อนเป็นจังหวะที่แรงขึ้นกว่าเก่าบนตัวของเธอ เสียงร้องในลำคอของคนผิวแทนสร้างความรำจวนใจให้เธอเป็นอย่างยิ่ง
อารมณ์วาบหวามที่อัดแน่นในกายพาให้มะปรางสอดมือข้างหนึ่งลงไประหว่างตัวพวกเธอทั้งสอง
นิ้วเรียวสัมผัสที่กึ่งกลางร่างกายของตน ถูขึ้นลงอย่างช้าๆก่อนจะขยับเป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวร่างกายของอีกฝ่าย
มะปรางกัดฟันและร้องซี้ดออกมาเบาๆ มือบางขยำสะโพกของเมทินีที่โยกกายอย่างเซ็กซี่อยู่บนตักรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางและเสียงหอบหายใจของทั้งสองดังระงม
“อ๊ะ อ๊ะ!! อ๊ะ!!! ใช่!! อื๊อออ.. ซี้ดดดด!!!”
มะปรางขบกัดลำคอของผู้หญิงที่โยกตัวด้วยท่าทางสุดเอ็กซ์ปลุกใจเสือป่าอยู่บนตักแล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอก ดูดดื่มยอดอกของหล่อนสลับกับส่งเสียงครางที่ยิ่งร้องก็ยิ่งสร้างความวูบวาบในใจให้ทั้งเธอและอีกฝ่าย เมทินีจับขอบเก้าอี้และขยี้สะโพกลงบนตักของมะปราง
กระแทกกระทั้นจนเก้าอี้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด พวกเธอเบียดเสียดร่างกายสร้างความสุขให้กันและกันอย่างหนักหน่วงรุนแรงจนพากันไต่มาถึงชั้นบนสุดของสวรรค์อันร้อนเร่าอีกครั้ง
“อื๊ออ...เยส!! อ๊ะ
อ๊ะ!! อ๊ะ!!! ..อ๊ะ!!!”
“อ๊าาาาาาา!!!!!”
ร่างของทั้งคู่เกร็งสั่นอยู่นานหลายวินาที
เกาะก่ายแขนขาเข้าไว้ด้วยกัน ริมฝีปากพร่ำบอกคำรักให้กันขณะที่ยังหอบหายใจไม่หยุด
เมทินีกอดร่างบางแล้วซุกหน้ากับลำคอสาวน้อย ดูดกัดเบาๆแล้วกระซิบบอกรักซ้ำๆ
มะปรางลูบแผ่นหลังของเมทินีก่อนจะสวมกอดไว้แน่นแล้วบอกคำรักให้หล่อนได้ยินเช่นกัน
เมทินีที่เป็นฝ่ายยังมีแรงเหลืออยู่
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้รวมถึงลุกขึ้นจากเจ้าแท่งเนื้อยาวและใหญ่ที่เสียบอยู่ในกายมานานหลายสิบนาที
เธอสอดแขนช้อนร่างคนตัวบาง แล้วพากลับไปที่เตียง วางร่างของหล่อนลงอย่างบรรจง ก่อนคลานเข้าไปทิ้งกายนอนตะแคงขนาบข้าง เรียวขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขาของหล่อน เด็กสาวเอนกายและซุกหน้ากับลำคอของเธอ เหนื่อยล้าจนเกือบจะผล็อยหลับไปในทันที
เมทินีทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เวลานี้เธอรู้สึกทั้งสุขใจ...ซึ้งใจ...โล่งใจ...
โล่งใจที่เด็กคนนี้ปลอดภัยจากพลอย...
และเป็นของเธอโดยสมบูรณ์... ถ้าหากพลอยจะมาแย่งมะปรางไป ก็คงต้องสู้กันตายไปข้างล่ะ
มะปรางฝืนต่อสู้กับความเหนื่อยอ่อนจนชนะ เธอไม่ยอมนอนเพราะยังคงติดใจกับเรื่องหนึ่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยถาม
“พี่เกดจะไม่ร้องไห้ตอนที่หลับแล้วใช่มั้ยคะ”
เมทินีเลิกคิ้วมองมะปรางอย่างประหลาดใจ หล่อนจำได้ด้วยว่าเธอเคยร้องไห้ในตอนนั้น...
“ไม่ค่ะ รอยสักนี่น่ะ..” เธอยกแขนโชว์รอยสักรูปฝูงนกให้มะปรางดู “มันช่วยให้พี่เลิกฝันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น พี่ก็เลยไม่ต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว”
“ผู้หญิง...คนไหนหรอคะ” มะปรางหน้ามุ่ย เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมทินีฝันถึงผู้หญิงและร้องไห้เพราะเธอคนนั้น...หล่อนต้องมีความสำคัญกับพี่เกดมากแน่ๆ
เมทินีกระชับอ้อมแขน ดึงตัวมะปรางให้เข้ามาใกล้จนหน้าอกของหล่อนเบียดชิดกับอกของเธอ เธอมองใบหน้าไร้เดียงสาที่แสนอ่อนเยาว์อย่างพิจารณา หยุดสายตาที่ขี้แมลงวันที่กลางจมูกน้อยๆของหล่อน
“คนที่พี่ฝันถึงก็คือมะปราง..” เมทินีตอบ ไม่รู้ว่ามะปรางจะเข้าใจที่เธอพูดหรือไม่ แต่เธอไม่สนใจเพราะเธอกำลังมีความสุขมากเหลือเกิน “และมะปรางก็อยู่ตรงนี้แล้ว เพราะงั้น พี่จะร้องไห้อีกทำไม” เธอกดจูบลงบนริมฝีปากกลิ่นหอมกรุ่นอีกครั้ง
มะปรางไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนั้น...คือเธออย่างนั้นหรอ? แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันที่เธอไม่รู้สึกติดใจสงสัยอะไรอีกแล้ว... แค่ได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปิติของหล่อน และความคะนึงหาที่ส่งผ่านมาในรสจุมพิต เธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้...
เธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับหล่อน...
ไม่ใช่แค่สัมผัสที่ร่างกายที่เกาะเกี่ยวกันราวกับเป็นหนึ่ง
แต่หัวใจและความรู้สึกของพวกเธอก็สัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งด้วยเช่นกัน...
เมทินีคลี่ยิ้มบางก่อนจะจูบหน้าผากของมะปรางและกล่าวราตรีสวัสดิ์ หัวใจของมะปรางยังคงเต้นแรงไม่หยุด ความรู้สึกรักและความสุขที่คนเป็นแม่มอบให้ยังคงวิ่งพล่านในเส้นเลือดขณะที่เปลือกตาของสาวตาปรือใกล้จะปิดลง...
มะปรางยิ้ม กอดหล่อนแน่นขึ้น ประทับจุมพิตลงบนฝูงนกที่โบยบินอยู่บนผิวนวลของคนหน้าคม ก่อนซบแก้มลงบนแขนเรียวนั้น...