Love Me
More Sister
More Sister
{- NC Part from The Fairest of Them All Chapter 8 -}
เมธิสกะพริบตาด้วยความงุนงง นางเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจที่เห็นชารีนเดินกลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านางอีกครั้งหนึ่ง
“ทำข้าสิ...ทำอย่างที่มันทำกับเจ้า
ในเมื่อข้าเองก็มีส่วนทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น
เจ้าก็ไม่ควรต้องเป็นคนเดียวที่เจ็บ”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือไร..” เมธิสมองอีกคนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“บางทีข้าอาจจะบ้าไปแล้วจริงๆ” ชารีนสืบเท้าเข้าไปใกล้เมธิสมากขึ้น
กอดร่างของน้องสาวด้วยความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจ “ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจชดเชยสิ่งใดให้กับสิ่งที่แล้วมาได้
ข้าเพียงแค่คิดว่า หากทำเช่นนี้แล้ว มันคงจะบรรเทาความรู้สึกผิดในใจข้าได้บ้าง
ข้าอยากรับรู้ความเจ็บปวดของเจ้า
ข้าจะได้เข้าใจว่าเจ้าเจ็บปวดมากเพียงใด
ข้าเสียใจที่วันนั้นข้าไม่ได้อยู่ปกป้องเจ้า...ระบายความเจ็บปวดของเจ้าออกมาเถิด
เจ้าจะไม่เจ็บปวดอย่างเดียวดาย เพราะข้าจะขอเจ็บปวดไปพร้อมกับเจ้า”
มธิสผลักชารีนออกอย่างแรง
“ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่!!
ท่านต้องการให้ข้าทำร้ายท่านเช่นนั้นหรือยังไง!?” นางไม่เข้าใจและโกรธอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ชารีนคิดว่าการกระทำขืนใจเช่นนั้นมันเป็นเรื่องที่พูดเล่นได้หรือไร
หรือเพราะแค่อยากจะชดเชยความผิดแต่ทำไม่ได้ถึงได้ต้องปั้นคำพูดให้สวยหรู? ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็...หล่อนก็คิดผิดแล้วที่มาท้าทายนาง
“ข้ารู้ตัวดีว่าข้ากำลังพูดอะไร” ชารีนยืนยันคำเดิม
เมธิสรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายท้าทาย
นางเชิดปลายคางขึ้น สูดหายใจข่มความโกรธที่ทำเอาทั้งร่างสั่นไปหมด
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามแต่พระประสงค์เพคะ องค์ราชินี”
เมธิสหลุบตาลงมองเนินเนื้อขาวอวบอิ่มที่ล้นออกมาจากอาภรณ์ของคนตรงหน้า
ใบหน้าของชารีนร้อนผ่าวขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องมองส่วนนั้นอย่างตรงๆ
เมธิสเลื่อนสายตากลับมามองที่ใบหน้าของชารีน
นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างสั่นไหวขณะที่จ้องมองนัยน์ตาสีนิลที่ยากจะอ่านความรู้สึกกลับ
ร่างสูงย่างกรายเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมาจนใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน
ความนุ่มของริมฝีปากสีโลหิตทาบลงมาให้ชารีนได้ลิ้มลองเป็นครั้งที่สอง
ชารีนไม่คาดคิดว่าจะได้รับสัมผัสเช่นนี้... หลังจากสิ่งที่นางเพิ่งบอกกับเมธิส
และสิ่งที่เมธิสตอบกลับมานั้น นางเตรียมใจที่จะน้อมรับสัมผัสที่รุนแรง...
ป่าเถื่อน... พิโรธ... และอย่างอื่นจากหล่อนที่ไม่ใช่อย่างตอนนี้...
ชารีนสงสัยว่ายาพิษแสนหวานถูกเคลือบไว้บนริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงราวกับผลแอปเปิ้ลของเมธิสหรืออย่างไร
ไฉนจึงทำให้นางใจเต้นระรัว รู้สึกว่าหายใจไม่ออก
หัวหมุนจนต้องอาศัยแขนเกี่ยวรอบลำคอน้องสาวไว้เพื่อไม่ให้กายทรุดลงไปก่อน
นางรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจมน้ำ ในอ้อมกอดของเมธิสและรสจุมพิตที่นางมอบให้...
สิ่งเหล่านั้นกำลังดึงร่างของนางให้จมดิ่งลงไปลึกเรื่อยๆ
ต้องการทั้งอากาศและต้องการให้หล่อนทำต่อไปอย่าได้หยุด...
ฉับพลันราวกับถูกปลุกจากนิทรา
ร่างกายของนางถูกเมธิสผลักออกเสียดื้อๆ มือของชารีนละจากแผ่นหลังของเมธิส
ลอยค้างอยู่ที่เดิม ยังคงงุนงงกับอากาศบริสุทธิ์ที่อัดเข้ามาเต็มปอด
ผิดกับเมื่อครู่ที่เวลาหายใจเข้านั้นราวกับว่าอีกคนได้สูดแย่งเอาอากาศจากปอดนางไปหมด
“เจ้าคนชั่วนั่น มันไม่ได้ปฏิบัติกับข้าเช่นนี้..” เมธิสเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
ชารีนสะดุ้งเมื่อถูกน้องสาวรวบเอวเข้าไปแนบชิดกาย
มือข้างหนึ่งของเมธิสแตะลงบนลำคอของนาง
เลื่อนลงไปหาเนินอกอย่างใจเย็น แต่คนที่ถูกสัมผัสกลับรู้สึกรุ่มร้อนดั่งไฟ เมธิสวาดนิ้วชี้วนไปมาบนเนินอกของชารีน
“ไม่ได้กอด ไม่ได้เชยชม ไม่ได้กล่อม...”
นางเหลือบตาขึ้นมองเหยื่อในอ้อมแขน
“...แต่มันปฏิบัติกับข้าเช่นนี้”
ชารีนเกือบจะหลุดเสียงกรีดร้องออกมา เนื้อผ้าที่ปิดบังปทุมถันของนางถูกกระชากออกอย่างรุนแรง
ทรวงอกลูกงามทั้งสองหลุดออกมาให้อีกคนเห็นได้ถึงยอดกลมสีอ่อน
ก่อนที่มันจะถูกมือของเมธิสกดทับอย่างแรง
เมธิสขยำมือลงบนทรวงอกพี่สาวอย่างไม่คิดถนอมสักนิด ชารีนกัดฟันแน่น
ฝืนกายไว้ไม่ให้ต่อต้านอีกคนทั้งๆที่กำลังเจ็บปวด
ในใจรู้สึกหวาดหวั่นตกใจอย่างที่สุด
ร่างของชารีนถูกผลักจนล้มลงไปบนเตียง
ชารีนรู้สึกได้ว่าอีกคนตามขึ้นเตียงมาด้วย นางหันขวับไปหาเมธิส
แต่ถูกนางกดร่างให้หันหลังไปตามเดิม
เมธิสนั่งทับแผ่นหลังของพี่สาว
กดตัวนางไว้ไม่ให้นางดิ้นรนได้ นางแกะริบบิ้นสีแดงออกจากเรือนผมของชารีน
“เมธิส เจ้าจะทำอะไรน่ะ!?” ชารีนร้องถาม แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ จู่ๆบางสิ่งที่เป็นสีแดงก็เข้ามาจ่อใกล้ดวงตา
ชารีนหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ ก่อนจะพบว่าตนถูกปิดตา
โดยที่เมธิสกำลังทำการผูกปมปลายผ้าผืนนั้นที่ด้านหลังศีรษะของนาง
“ตอนนั้นข้าก็มองไม่เห็นเช่นกัน” เมธิสเอ่ยพร้อมสะบัดมือออกจากผ้าที่ผูกเสร็จเรียบร้อย
น้ำหนักตัวของเมธิสที่อยู่บนแผ่นหลังของชารีนหายไป ชารีนหยุดหันซ้ายหันขวา นอนนิ่งเพื่อฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด
“มันบอกกับเพื่อนของมันว่า อัปลักษณ์เยี่ยงนี้เห็นหน้าแล้วพาลจะอาเจียน ก่อนที่มันจะใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมศีรษะของข้า
แล้วดึงรั้งขณะที่มันควบขี่จนข้าแทบขาดอากาศหายใจ”
คนฟังรู้สึกหดหู่ใจอย่างสุดแสน
ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความรู้สึกสงสาร เหตุใดมันจึงเดรัจฉานขนาดขืนใจเมธิสไม่พอ
หนำซ้ำยังพูดทำร้ายจิตใจของนางแบบนั้นอีก
“วันนั้นรอบกายของข้าเต็มไปด้วยหิมะ... มันทั้งหนาวและทรมานยิ่งนัก” เมธิสดึงกริชที่ซ่อนอยู่ระหว่างซอกเตียงกับกำแพงออกมา
นางมองกริชเล่มนั้นอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงมันออกมาจากด้าม
เสียงของโลหะสีเงินที่ถูกดึงออกจากฝักดังชัดในโสตประสาทของชารีน
เมธิสวางกริชลงบนโต๊ะ
ส่วนฝักของมันนางถือไว้ในมืออีกข้าง
เมธิสนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างของชารีนที่นอนคว่ำอยู่ นำฝักไม้ทาบลงบนแก้มนวล
ชารีนสะดุ้งเมื่อบางอย่างสัมผัสเข้าที่แก้มของตน
นางมองไม่เห็น จึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร สัมผัสของมันแข็ง ลักษณะเป็นแท่ง
นางรู้ว่ามันยาวเพราะเมธิสแนบมันที่ข้างแก้มของนาง ลากถูไปมาอย่างเนิบนาบราวกับต้องการให้นางเดาว่ามันคืออะไร
“ลุกขึ้น แล้วทำท่าคลาน” เมธิสสั่ง
ชารีนยอมทำตามคำสั่งของเมธิสแต่โดยดี
ในหัวยังเต็มไปด้วยความสงสัย
เมธิสแหย่นิ้วหัวแม่มือเข้าไปในโพรงปากของชารีน
ออกแรงกดลงเล็กน้อยให้อีกคนเผยอริมฝีปากออก ชารีนเปิดริมฝีปากกว้างขึ้น รองรับของแข็งที่ถูกสอดเข้ามาในปาก
มันคือสิ่งที่เมธิสใช้แนบกับแก้มของนางเมื่อครู่
อีกฝ่ายดึงดันมันเข้าออกให้นางได้สัมผัสรูปลักษณ์ของมันอย่างทั่วถึงมากกว่าเดิม
ชารีนรู้ว่าบนแท่งมีรอยนูนสลักเป็นลวดลาย วัสดุน่าจะเป็นไม้เคลือบเงา
แต่นางไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าเพราะนางไม่เคยอมมันมาก่อน ก็แค่คาดเดาเท่านั้น
ชารีนรู้สึกแปลกๆที่กึ่งกลางร่างกาย
มันบีบรัดและคลายออก
ก่อนจะบีบรัดอีกครั้งในขณะที่เมธิสกำลังถูไถของแข็งในปากของนางไปเรื่อยๆ
ในที่สุด
เจ้าสิ่งนั้นก็ถูกดึงออกไปจากโพรงปากของนางไป ชารีนกลืนของเหลวที่เอ่อคลออยู่เต็มกระพุ้งแก้มลงคอไป
เมธิสเลิกกระโปรงชุดนอนของชารีนขึ้นไปกองไว้บนสะโพก
ดึงกางเกงชั้นในผ้าลูกไม้สีขาวลงมากองที่เหนือเข่า เผยให้เห็นซึ่งเนินภูเขากลมกลึง
ระหว่างซอกเขาคือดอกกุหลาบงามปลั่งซึ่งถูกปกคลุมด้วยพงป่าในยามฤดูหนาว
ชารีนกลั้นหายใจ
รู้สึกอับอายจนพวงแก้มทั้งสองร้อนเห่อ
นัยน์ตาหลุกหลิกไปมาอยู่ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท เมธิสไม่เสียเวลารีรอ แทงฝักดาบเข้าไปในความคับแน่น เปิดปากช่องแคบให้ขยายออกภายในพริบตาเดียว
“อ๊าาาา!!!!”
เสียงร้องของพี่สาวทำให้เมธิสเจ็บปวดไม่แพ้กัน
แต่ชารีนเป็นคนท้าทายนางเอง หล่อนขอร้องให้นางทำเอง
เพราะฉะนั้นนางจะไม่หยุดแค่เพียงเท่านี้...
“อ๊ะ! อ๊า!!!!”
ฝักมีดที่จ้วงแทงเข้ามาไม่ยั้งทำเอาชารีนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
ส่วนที่เป็นรอยนูนสลักยิ่งทำให้นางรู้สึกราวจะขาดใจ
“อ๊ะ!! เจ็บ..อ๊ะ! อ๋าา!!!”
แขนของชารีนหมดแรง
ส่งผลให้ร่างกายท่อนบนร่วงลงบนเตียง เมธิสอดมือไว้ใต้ท้องของอีกฝ่าย
ยึดไว้ไม่ให้ท่อนล่างล้มลงไปด้วย สอดแทงฝักไม้ลงในซอกเร้นอย่างหนักหน่วง
ระบายความโมโหต่อคนที่บังอาจมาท้าทายปีศาจในตัวนาง
หากหล่อนอยากลิ้มลองรสชาติของการถูกทำร้าย ย่ำยีความเป็นหญิง นางก็จะขอใส่พานถวายความทารุณให้อย่างครบเครื่อง
ชารีนรู้สึกปวดร้าวกระดูกบริเวณที่ถูกจวกแทง
น้ำตาหลั่งออกมาเปรอะผ้าผูกตาจนแฉะ นางกัดฟันแน่น พยายามไม่ส่งเสียงร้องแล้ว
แต่ทำไม่ได้
การที่นางมองไม่เห็นอะไรพาลให้นางจินตนาการไปถึงภาพผู้ชายร่างยักษ์กำลังกระทำย่ำยีน้องสาว
เห็นภาพตนเองยืนนิ่งดูดายมองน้องรักดิ้นรนต่อสู้ภายใต้เงื้อมือของคนโฉด
ก่อนที่นางจะวิ่งหนีไป ทิ้งเมธิสเผชิญกับความทรมานในป่าอันมืดมิดแต่เพียงลำพัง
น้ำตายิ่งหลั่งไหลลงอาบแก้มนวล ร่างบางสะอื้นฮัก ทั้งเจ็บปวดและเสียใจ
เมธิสพลิกร่างที่อ่อนแรงให้นอนหงาย
ออกแรงชักมีดเข้าทะลวงหน้าด่านต่อไป
สักพักนางถึงได้รู้สึกว่าตนพลาดไปเสียแล้วที่ตัดสินใจพลิกร่างของชารีน
เพราะเมื่อได้เผชิญหน้ากันแล้ว
เมธิสก็บังเกิดความรู้สึกร่วมกับหญิงสาวที่ถูกปิดตาด้วยผ้า
บนสองข้างแก้มเห็นเป็นรอยน้ำตายาวมาถึงปลายคางขึ้นมา หัวใจของเมธิสพลันเต้นผิดจังหวะ
เสียงครางหวานๆนั่นยิ่งทำเอานางใจสั่นทั้งๆที่นางไม่ควรรู้สึกอย่างนี้ในตอนที่กำลังทรมานอีกคน
ชารีนร้องครางแทบไม่เป็นภาษา
โหยหาที่ระบายความทรมานโดยการปัดป่ายแขนทั้งสองข้างอย่างสะเปะสะปะ
ควานหาลำคอของน้องเพื่อจะยึดมาช่วยปลดปล่อยความทนทุกข์ที่กำลังเผชิญ เมธิสต้องสั่งห้ามใจไม่ให้โน้มตัวลงไปมอบสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
เพราะว่าการขืนใจ...มันไม่มีการเล้าโลมอะไรจะมอบให้เหยื่อทั้งนั้น
นางคว้าข้อมือบางและตรึงไว้กับเตียง
ขณะที่มือยังคงจวกแทงฝักไม้ลงไปในเนื้อนุ่มของกวางสาวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
แรงขึ้นและเร็วขึ้นจนอีกคนทุบมือลงกับเตียง จิกทึ้งดึงหมอนที่วางอยู่ใกล้ตัว
กรีดร้องเสียงดังจนสามารถปลุกคนทั้งปราสาทได้...
เมธิสรู้สึกสงสารคนใต้ร่างจนยอมรามือในที่สุด
ทั้งที่ในความเป็นจริง...ช่วงเวลาทนทุกข์ที่เกิดกับตัวนางในคืนนั้นยาวนานกว่านี้มากนัก
แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งของความเจ็บปวดของนางเลยด้วยซ้ำ
เมธิสไม่กล้าพอที่จะคลุมศีรษะของชารีนด้วยผ้า
เพราะกลัวว่านางจะหายใจไม่ออกเหมือนตนเองในตอนนั้น
อีกทั้งยังไม่กล้าที่จะขยี้ผิวบางต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะฉีกขาดและหลั่งสายธารสีเลือดออกมาอย่างที่นางเคยประสบ... นางรู้ดีว่ามันทรมานมากแค่ไหน
มันเรียกได้ว่าเฉียดความตายไปแค่คืบเลยด้วยซ้ำ
แต่เพราะรักอีกคนจึงทนกระทำโหดเหี้ยมเลือดเย็นขนาดนั้นไม่ลง
แต่นอกจากจะสงสารชารีนแล้ว
เมธิสยังรู้สึกหวาดกลัวใจของตนเองอีกด้วย... นางกลัวว่าสิ่งที่ทำอยู่
จะไม่ใช่การทำอย่างที่อีกฝ่ายวอนขอให้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้
แต่จะกลายเป็นการทำด้วยความต้องการของตนมากกว่า
“แฮ่ก.. แฮ่ก.. ฮือ...”
บนเตียงนอนที่ยับยู่ยี่
ร่างของชารีนสั่นกระตุก หมดแรงเกินกว่าจะเอ่ยคำพูดใด
เปลือกตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาค่อยๆปิดลงพร้อมกับสติที่ดับวูบ
ชารีนรู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากที่หมดสติไป
นางขยับตัวเล็กน้อย แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของคนอีกคนก็แกล้งทำนิ่ง
ยามนี้นางนอนตะแคงข้างโดยหันหลังให้กับเมธิส ผ้าที่เคยปิดตาของนางไม่มีอยู่อีกแล้ว
นางเหลือบตาลงมองร่างกายของตน พบว่ามีผ้าห่มคลุมกายอยู่อย่างเรียบร้อย
ชารีนขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อรู้สึกว่านิ้วเรียวของน้องสาวกำลังเกลี่ยบนใบหน้าของนาง
“ข้าหวังว่าหลังจากนี้ท่านจะลืมสิ้นซึ่งความรู้สึกผิดในใจทั้งหมด..”
ได้ยินถ้อยคำของเมธิสแล้ว
ชารีนอยากจะหันไปต่อว่าเมธิสเหลือเกิน ต้องการให้นางลืมความรู้สึกผิดไป
แต่ตนเองทนรับความเจ็บปวดอยู่เพียงผู้เดียว ไม่ยอมแม้จะให้นางรู้สึกผิด เมธิส
เจ้านี่มัน...
“หากเป็นไปได้
ข้าก็ไม่อยากให้ท่านรู้เลย...มีเรื่องเลวทรามมากมายที่ท่านไม่รู้
และข้าก็ปรารถนาให้ท่านไม่รู้ไปจนกว่าจะลมหายใจสุดท้าย เพื่อที่ท่านจะได้มีความสุข
เป็นชารีนผู้เป็นแสงบริสุทธิ์ ส่องนำดวงวิญญาณของข้าไปตลอด...ท่านพี่
ข้าขอโทษที่ข้าทำให้ท่านเจ็บปวด”
เมธิสลุกขึ้นจากเตียง
แต่กลับถูกใครบางคนคว้าข้อมือไว้ นางหันไปมองด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะออกไปข้างนอก ไม่อยู่รบกวนท่านพักผ่อน” เมธิสตอบ
“ข้าไม่ให้เจ้าไป”
เมธิสขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
อีกคนโผเข้ากอดเอวของนางแน่น
“ข้าเข้าใจเจ้าแล้ว! ข้าเข้าใจความทุกข์ทรมานของเจ้าแล้ว!!
ให้ข้าได้ปลอบเจ้าเถิด ขอข้ากอดเจ้า ขอให้ข้าได้ขอโทษ
ไม่ใช่เจ้าที่เป็นฝ่ายขอโทษข้า” ชารีนพรั่งพรูถ้อยคำออกจากลำคอ
ร่างบางสะอื้นฮักจนตัวโยน
เมธิสลูบเรือนผมของชารีนอย่างอ่อนโยน
พอความกริ้วโกรธลดลงจนมองเห็นจิตใจที่ใสสะอาดของพี่สาว
ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าชารีนไม่ได้ท้าทายนางเพื่อให้ตนเองดูดีแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะหล่อนรู้สึกผิดกับนางจริงๆ
“ข้าให้อภัยท่าน ท่านพี่” ...เพราะข้ารักท่าน
และไม่เคยโกรธท่านได้จริงๆเลยสักครั้งเดียว
ชารีนเงยหน้าขึ้น
เห็นรอยยิ้มที่เมธิสมอบให้ หัวใจของนางก็พลันสั่นไหวอย่างประหลาด
นางสัมผัสคำว่ารักได้ผ่านรอยยิ้มนั่น... เมธิสถึงไม่เคยยิ้มให้นางเช่นนี้มาก่อน...
หรือว่าหล่อนเคยแต่นางไม่เคยสังเกตกันแน่นะ
ชารีนนึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
เมธิสไม่เคยจูบนางมาก่อน...
เมธิสไม่เคยบอกรักนางอย่างเช่นชายหญิงบอกกันอย่างนั้น...
เมธิสไม่เคยทำร้ายร่างกายนาง... แต่ทุกสิ่งที่เมธิสไม่เคยทำ และได้กระทำในราตรีนี้
ชารีนปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆแล้วนางเองก็รู้สึกชอบ
...นางชอบจูบของเมธิส
...คำรักของหล่อนทำนางวาบหวาม
...ความโหดร้ายทารุณของเมธิส
ปลดปล่อยความรู้สึกผิดในใจนาง
เมธิสสั่งน้ำตาให้ไหลย้อนกลับ
นางแกะมือของชารีนออกจากกาย ชารีนตกใจ รีบลุกขึ้นจากเตียงและตามเมธิสที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป
แต่เพราะยังเจ็บที่ระหว่างขาทั้งสองข้างอยู่จึงเกือบจะล้มลง
แต่ดีที่นางเกาะขอบโต๊ะไว้ทัน นางเปล่งเสียงร้องออกไปเพื่อรั้งอีกคนไว้
“อย่าไปเลยนะ!”
ร่างของเมธิสหยุดชะงัก
ชารีนก้มตัวลงหยิบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงขึ้นมาจากพื้น
ข้างในของนางรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ากำลังน้อยใจ
กำลังกลัวว่าจะถูกคนที่คอยดูแลมาโดยตลอดทอดทิ้งไป...
“เจ้าคงไม่ได้จะไปหาโรสแมรี่ใช่ไหม” นางถามเสียงแผ่วเบา
เมธิสรู้สึกแปลกใจกับคำถาม
นางหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับชารีน ส่ายศีรษะช้าๆ
“ข้าจะไปนอนที่ห้องของท่าน ท่านพักผ่อนนอนเอาแรงเถิด”
“แต่ข้าไม่อยากพักผ่อน”
“...”
“ข้าอยากให้เจ้าอยู่กับข้า ข้าอยากคุยกับเจ้า
อยากรู้ว่าเจ้ายังเจ็บปวดเพราะข้าอยู่หรือเปล่า...”
“แน่นอนว่าข้าเจ็บปวด” เมธิสเอ่ยตอบตามจริง
มองที่ตุ๊กตาในมือของพี่สาว “ท่านเปรียบเสมือนยาพิษที่หอมหวาน...
ข้ารู้ว่าหากข้าดื่มมันข้าจะเจ็บปวดแต่ข้าก็ยังเลือกที่จะดื่ม
เพราะเช่นนั้นข้าต้องทนรับความเจ็บปวดที่ตามมานั้นให้ได้”
เมธิสบังคับสายตาให้ละจากตุ๊กตาตัวนั้น
แล้วเดินจ้ำไปที่ประตู
“เมธิส..” ชารีนเรียกน้องสาวอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่เมธิสหยุดเดิน
แต่ครั้งนี้เมธิสไม่ได้หันหลังกลับไปมอง
ชารีนเม้มริมฝีปากก่อนยอมเปิดเผยความในใจออกไป “ข้าจะไม่โกหกเจ้า...ข้าไม่ได้ไม่ต้องการเจ้าอย่างที่เจ้าเข้าใจ”
เมธิสค่อยๆหันศีรษะกลับมามองที่ชารีน
สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ งุนงงว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่
“ตอนที่เห็นเจ้าอยู่กับโรสแมรี่ ข้ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แล้วพอข้าได้ยินเจ้าเรียกชื่อของข้า ข้าก็รู้สึกดีใจที่เป็นที่ต้องการของเจ้า
แต่ก็ยัง...สับสน เพราะว่าเจ้าเป็นน้องสาวของข้า” แววตาของชารีนสั่นส่ายไปมาด้วยความสับสน
“ข้าไม่รู้ว่าข้ารู้สึกยังไงกันแน่...ข้ารู้เพียงว่าข้าไม่พอใจที่คนที่เจ้ากอดในตอนนั้นไม่ใช่ข้า”
เมธิสเห็นแสงแห่งความหวังส่องลงมาเบื้องหน้า
แต่นางยังคงไม่แน่ใจ...
“ท่านกำลังจะบอกว่า...ท่านต้องการข้าอย่างนั้นหรือ”
“ข้าสับสน...สับสนมาก” ชารีนเอ่ยอย่างลังเล
นางไม่เข้าใจตนเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเมธิส
ริมฝีปากก็รีบเอ่ยสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ออกไป
“แต่ว่าเวลานี้...ข้าต้องการเจ้า”
...ตอนนี้ในใจของนางกำลังร้องเรียกหาเมธิสไม่หยุด
ร่างกายของเมธิสเบาหวิว
หัวใจเต้นดังตุบตับราวกับมีคนตีกลองอยู่ในกาย
นางสงสัยว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันหรือเปล่า... เมธิสก้าวเท้าเข้าไปหาชารีน
มือเรียววางลงบนใบหน้างาม
สัมผัสไล่จากหน้าผากมาที่จมูกและริมฝีปาก...เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นของจริง
ใช่...มันจริง
ถ้าอย่างนั้น
ที่ชารีนพูดเมื่อครู่ก็แปลว่า...นางอนุญาต?
ชารีนแสดงความต้องการด้วยการเข้าสวมกอดเมธิส
เงยหน้าขึ้นพร้อมเผยอริมฝีปากเล็กน้อย
เชื้อเชิญให้อีกฝ่ายมอบรสชาติของริมฝีปากเคลือบยาพิษให้นางอีกครั้งหนึ่ง
นางหลับตาพริ้มรอให้อีกคนรับคำเชิญของตน
เมธิสแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาจนท่วมห้อง
ในใจกำลังกรีดร้องอย่างหนัก นางจุมพิตริมฝีปากของชารีนอย่างหนักหน่วงในทีแรก
ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล
และค่อยๆเพิ่มเติมน้ำหนักทีละเล็กละน้อยจนกลับมาหนักหน่วงอีกครั้ง
เกี่ยวกระหวัดชิวหาตนกับชิวหาเล็กที่ตอบสนองมาอย่างเต็มใจ
มอบสิ่งที่หล่อนต้องการที่นางพร้อมจะให้มานานแรมปี
ชารีนกับนางพากันขึ้นเตียงนอนทั้งๆที่ลิ้นร้อนยังคงเกี่ยวพัน
พวกนางคุกเข่าหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย สองร่างผลักดันกันไปมา
สองมือสัมผัสไปทั่วร่างกายของกันและกันอย่างเคลิบเคลิ้ม มัวเมา
ชารีนผละริมฝีปากจากกลีบริมฝีปากบางของน้องสาว
เอ่ยพลางหลบสายตาของหล่อน
“แต่ครั้งนี้...เจ้าถนอมข้าหน่อยนะ”
เมธิสยิ้มกว้าง
พยักหน้ารัวเร็วให้อีกฝ่าย
ชารีนเงยหน้ามามองนางแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างเอียงอาย
เมธิสโน้มตามลงไปหาใบหน้างาม ประสานจุมพิตอันหอมหวาน
วาดมือไม้ไล้ไปทั่วกายของพี่สาว ก่อนหยุดที่ชายกระโปรงชุดนอน
จับมันเลิกมันขึ้นสูงซึ่งชารีนก็ยอมยกแขนขึ้นให้เมธิสถอดอาภรณ์โดยเต็มใจ
ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดเรือนร่างงามจากสายตาอีกต่อไป...
เมธิสกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างงดงามของพี่สาวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา กึ่งตกตะลึง
กึ่งกระหาย นางหยุดสายตาที่ปทุมถันลูกงามทั้งสอง จ้องตาเป็นมัน
ก่อนจะกลายร่างเป็นงูฉกกัดยอดอกข้างหนึ่ง อีกมือบีบเฟ้นมันไปด้วย
ชารีนถึงกับต้องยันแขนไว้กับเตียงเพื่อสู้กับแรงปรารถนาของน้องสาว
ทั้งเมธิสและชารีนต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่กำลังเกิด...
คนเยาว์วัยกว่าหยุดกึกในทันทีที่ของเหลวไหลเข้ามาในปาก ส่วนผู้เป็นพี่อ้าปากเหวอ
ทั้งอายทั้งตกใจ ชารีนก้มลงซ่อนใบหน้าที่แดงเห่อ
กล่าวอย่างกระดากอาย
“ข้า..ข้าก็นึกว่าน้ำนมของข้าหมดแล้วเสียอีก...”
มีหรือที่เมธิสจะถือสาว่าอะไร
ซ้ำยังเข้าดูดดื่มน้ำนมจากเต้าลงคออีกอึกใหญ่ เมธิสคลอเคลียเต้างามอย่างอ้อยอิ่ง ชารีนกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกระทวยจนแทบทรงตัวไม่อยู่อีกต่อไป
เมธิสปลดริมฝีปากจากยอดอกสีระเรื่อขึ้นมาหาริมฝีปากสีเดียวกันกับยอดอกของพี่สาว
ประสานริมฝีปากของตนกับอีกคนแล้วถ่ายทอดน้ำอมฤทธิ์ให้...
ชารีนเบิกตาโพลง
รสของเหลวแปลกปลอมถูกรินเข้ามาในปาก ทั้งกายพลันรุ่มร้อน
ท้องไส้รู้สึกวาบหวิวยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ชารีนดึงอาภรณ์ของเมธิส
ออกจากร่างจนหมดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ป้อนน้ำนมให้นางหมดปากเสียอีก
เมธิสถอนริมฝีปากจากกลีบปากนุ่ม
เปลี่ยนไปซุกไซ้ซอกคอขาว
บีบขยำสะโพกงามงอนที่ผายออกรับกับปทุมถันงามได้รูปเป็นทรงนาฬิกาทรายพอดิบพอดี
ส่วนชารีนกวาดสายตาสำรวจร่างกายงดงามของน้องสาวด้วยความสนอกสนใจ
นางกดกายของเมธิสให้นอนราบลงบนเตียง
กวาดตาสำรวจร่างของน้องอีกครั้งพลางคิดเปรียบเทียบร่างกายบุรุษกับสตรีในใจ
นางรู้สึกว่าร่างกายของผู้หญิงนุ่มนิ่มกว่าชายหลายเท่า มือของชารีนไล่สัมผัสตั้งแต่ลำคอของเมธิส
ไต่ลงมายังร่องอก ผ่านมาถึงสะดือ
ก่อนจะถูกเมธิสพลิกกายให้นางเป็นนางฝ่ายนอนหงายแทน
เมธิสดูดกัดริมฝีปากชารีนอย่างกระหาย
บดเบียดสัดส่วนลงบนเรือนร่างอีกฝ่าย มือหนึ่งนวดคลึงอกอิ่ม
ส่วนอีกมือค่อยๆคืบคลานลงไปหากุหลาบงาม ชารีนอ้าปากสูดหายใจดังเฮือกเมื่อถูกเมธิสถูไถที่รอบเกสรจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“อื๊อ!!!”
นิ้วของเมธิสเคลื่อนเข้าไปอยู่ในกายของชารีน
เล่นเอาอีกคนเสียววาบ เมธิสจุมพิตริมฝีปากบางเป็นการกล่อมให้อีกฝ่ายสงบลง
ก่อนค่อยๆสอดนิ้วมือเข้าออกอย่างช้าๆ
ชารีนบิดกายเร่า
รู้สึกทรมานเพราะอีกคนเร่งใส่จังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิม
ส่วนหนึ่งชารีนยังคงเจ็บจากการถูกเสียบแทงด้วยฝักมีดเป็นเวลานาน
แต่ในเวลานี้ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหน นางก็ยอม... เพราะในความทรมาน
มันช่างรู้สึกดีเกินกว่าที่คาดคิดไว้นัก
แถมสัมผัสของเมธิสที่มอบให้นั้นต่างจากครั้งก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
“อ๊า!!... เมธิส...” เสียงหวานหลุดครางชื่อน้องสาวออกมาที
เมธิสถึงกับชะงักไปเพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนใช้ก้อนหินทุบเข้าที่ศีรษะ
จนกระทั่งชารีนร้องขอให้นางทำต่อ
เมธิสถึงได้ได้สติแล้วกลับไปสานต่อความสุขสมที่กำลังมอบให้อีกคน
ชารีนจับกลุ่มผมของเมธิส
อีกมือขยำหน้าอกของตนเอง
ลำคอเปล่งเสียงร้องครางออกมาตามจังหวะดัชนีที่เมธิสสอดใส่ให้
“อ๊ะ!!..อ๊ะ...อ๊ะ!!..อ๊ะ!!”
เมธิสพรมจูบลงบนผิวกายขาวเนียนหอมกลิ่นกุหลาบ
ค่อยๆคลานลงมาหาหน้าท้องแบนราบ
กดจูบลงบนสะดือสวยจนหน้าท้องนั้นหดเกร็งด้วยความเสียวสะท้าน ชารีนแหวกเรียวขาออกให้อีกคนโดยสัญชาตญาณ ศีรษะของเมธิสเคลื่อนไปอยู่ที่กึ่งกลางเรือนร่างของชารีน
นางดึงนิ้วออกจากช่องความสาว ก่อนแลบลิ้น แตะลงที่ส่วนนั้น
ชารีนตัวสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสเปียกชื้นที่แตะลงบนส่วนเร้นของร่างกาย
เมธิสชอบรสหวานของร่างกายพี่สาว
มันไม่เหมือนกับที่นางเคยจินตนาการ แต่ก็หวานไปอีกแบบ ไม่ผิดหวังเลยสักนิด...
นางแนบลิ้นกับปากกลีบกุหลาบที่ร้อนระอุ
ลากปลายลิ้นขึ้นลงสองสามครั้งให้เจ้าของร่างเสียวใจเล่น
ก่อนจะลงละเลงบดเคี้ยวด้วยความโหยหามาแสนนาน
นางกวาดลิ้นชิมทุกส่วนที่นางเคยใคร่สงสัย
เก็บไปจินตนาการ ทุกส่วนที่นางเคยอยากรู้... อยากเห็น... และอยากลิ้มลอง...
ขณะเดียวกันก็เหลือบตาสังเกตสีหน้าของชารีนอยู่ตลอด คอยสังเกตว่านางพอใจหรือไม่
ต้องการมากขึ้นหรือเปล่า เห็นใบหน้างามเหยเก ร่างกายบิดเร่าอย่างเย้ายวน
เสียงหอบครางฟังแล้วรู้สึกรัญจวนใจ ก็ตวัดปลายลิ้นร้อนเร็วยิ่งขึ้นไปอีกระดับ
ตอนที่ได้ยินชารีนครางชื่อของตนออกมา
เป็นตอนที่เมธิสชอบที่สุด ยิ่งหล่อนร่ำร้องเรียกชื่อนางมากเท่าไร
เมธิสก็ยิ่งส่งมอบความรักให้หนักหน่วงมากขึ้นจนชารีนแทบคลั่งตาย “เมธิส! เมธิส!! อ๊ะ!! อ๊า!!” เมธิสทนอดใจไม่ไหว
อยากจะสัมผัสริมฝีปากนั่นเสียจริง นางปลดพันธนาการที่อยู่ระหว่างลิ้นของนางกับกึ่งกลางร่างกายของพี่สาว
คลานขึ้นไปมอบจุมพิตให้หล่อนเป็นรางวัลที่ครางชื่อของนางได้เร้าใจยิ่งนัก
เมธิสจับขาเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งพาดลงบนสะโพกซ้ายของตน
ขาขวาพาดทับลงบนต้นขาอีกข้างของคนใต้ร่าง โยกเอวจากแรกเริ่มผ่อนเบา
แล้วค่อยๆเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ
กลีบกุหลาบงามเสียดสีกันจนทั้งสองแข่งกันส่งเสียงร้องด้วยความสุขสม
เมธิสรู้สึกราวกับตัวเองกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ไปทีละขั้นทีละขั้น
แล้วกระโดดขึ้นไปอยู่บนยอดสูงสุด มันเป็นความฝันของนางที่จะได้ทำท่านี้กับชารีน
ท่าที่เหมือนผู้ชายทำให้กับผู้หญิง นางคิดมาตลอดว่าหากนางมีอวัยวะเพศดั่งชายชาตรี
นางจะมอบลูกให้กับพี่สาวของนางเอง ถ้าหากหล่อนปรารถนาจะมีลูก
นางจะมอบให้สักสิบคนก็ยังได้
เมธิสเคลื่อนไหวร่างกายท่อนบนด้วยลีลาเร่าร้อนอยู่เหนือตัวของพี่สาว กัดริมฝีปาก ร้องครางจนเสียงหลง ฟังไม่ได้ศัพท์ ชารีนยื่นมือไปลูบคลำ
บีบจับปทุมถันงามสีน้ำผึ้งนวลที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการโยกสะโพกของอีกฝ่าย เมธิสกุมมือของชารีน กดให้หล่อนขยี้มันหนักยิ่งขึ้น
นางอยากให้ชารีนสัมผัสถึงหัวใจที่เต้นรัวด้วยความสุขล้นในอกของนาง...
อยากให้รับรู้ว่านางมีความสุขเพียงใดที่ได้แบ่งปันราตรีนี้ด้วยกันกับคนที่นางรักสุดหัวใจ
ชารีนเริ่มส่งเสียงครางติดๆกัน
ทรวดทรงงามบิดเร่ารุนแรง
เมธิสยิ่งเร่งโถมแรงกระแทกใส่ไม่ยั้งจนกระทั่งร่างของพี่สาวกระตุกถี่ “อื๊อออ อ๊ะ! อ๊ะ!! อ๊ะ!! เมธิส!!! ข้าจะไม่ไหวแล้ว อ๊าา....อ๊าาาาา!!!!” ชารีนส่งเสียงครางดังลั่น มือจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น
น้ำหวานสีขาวนวลไหลทะลักออกจากร่าง
เมธิสหยุดร่างกายหลังส่งอีกคนขึ้นถึงยอดสวรรค์ได้
นางคลี่ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปิติและภาคภูมิใจ
นางมองใบหน้างามละมุนของพี่สาวด้วยความหลงใหล เวลาท่านพี่แก้มแดงปลั่ง สายตาเคลิบเคลิ้ม
ดูยั่วยวนเช่นนี้ งามจนนางอยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัวเลยเชียว
ชารีนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเป็นที่สุด
เลือดสูบฉีด ไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่าง มาถึงตอนนี้...นางยอมรับเลยว่า
ผู้หญิงหาได้ด้อยกว่าผู้ชายเลยสักนิดในเรื่องการมอบความสุขให้บนเตียง
ทั้งนิ้วเหล่านั้น... ลิ้นร้อนนั่น... การเสียดสีกันของกลีบกุหลาบ...
นางพอใจกับทุกสิ่งที่เมธิสทำ
ชารีนแทบจะสูญเสียแรงกายไปหมดแล้ว
แต่พอเห็นหยดเหงื่อของเมธิสที่เกิดจากการพยายามสร้างความสุขให้นางไหลย้อยผ่านร่องอกงาม
ก็รู้สึกอยากที่จะมอบความสุขให้กับอีกฝ่ายคืนบ้าง นางดึงตัวของเมธิสให้ลงมานอนทับตน
ก่อนจะพลิกกายเป็นฝ่ายคร่อมร่างของนาง
แม้จะแทบหมดแรงแล้ว
แต่กลิ่นเหงื่อและความต้องการ ความอยากตอบแทนอีกฝ่าย
พาให้ชารีนมีพละกำลังขึ้นมาอีกระรอก
นางนอนทับร่างของเมธิสโดยให้ขาข้างหนึ่งของอีกฝ่ายอยู่ระหว่างขาทั้งสองของตนก่อนเริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะ
ถูไถจุดไวต่อความรู้สึกลงบนหน้าขาเนียนนุ่มของเมธิส
ขณะเดียวกันหัวเข่าของนางก็เบียดคลึงกับกลีบความสาวของเมธิส
ซึ่งอีกฝ่ายก็แอ่นสะโพกขึ้น เสียดสีร่างกายกับหัวเข่าของนางอย่างรู้งาน
สองมือของเมธิสลูบไล้แผ่นหลังของชารีนอย่างเคลิบเคลิ้ม
ค่อยๆไหลลงมาเกาะที่บั้นท้ายงาม กดให้แนบชิดกับเรียวขาของนาง
“อา.. เมธิส...” ชารีนหอบครางออกมาเสียงแผ่ว
สองมือจับขอบหัวเตียง ดันตัวขึ้นลง
ถูกึ่งกลางร่างกายกับหน้าขาของน้องอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมกับขยี้หัวเข่ากับเกสรกุหลาบของเมธิสไปด้วย
“อื๊ออ ท่านพี่!! ขะ..ขอแรงกว่านี้อีก..” เมธิสสะบัดเอวใส่หัวเข่าของพี่สาวแรงขึ้น
นี่นางไม่ได้ฝันใช่มั้ย ชารีน...บนตัวของนาง กำลังมอบความสุขให้นางอย่างเต็มใจ...
เมื่อชารีนหยุดใช้หัวเข่าเสียดสีกับร่างกายอีกคน
ก็เปลี่ยนเป็นใช้มือลูบไล้และช่วยสอดใส่ให้แทน เมธิสขบกัดริมฝีปากตนแน่น ทนรับความเจ็บปวดที่อีกคนกำลังรัวกระแทกกระทั้นให้
ชารีนโน้มใบหน้าลงไป เกี่ยวลิ้นแลกชิมความหวานกับริมฝีปากที่กำลังร่ำร้อง
เมธิสน้อมรับความหวานในโพรงปากของอีกคนด้วยความต้องการในทันที
เมธิสไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลง
ไม่อยากหมดแรง ปรารถนาจะให้ชารีนชักนิ้วลอดสอดผ่านร่างกายของนางอย่างนี้อย่าได้หยุดไปอีกนานเท่านาน...
ชารีนถูส่วนเร้นเข้ากับหน้าขาของเมธิสไปเรื่อยๆ
เน้นบดขยี้จุดเสียว ส่งเสียงหอบหายใจประสานกับอีกคนไปด้วย
เมธิสเริ่มร่ำร้องเพรียกหาชารีนขณะที่กำลังพากันไต่ขึ้นยอดสวรรค์
ชารีนคลี่ยิ้มพร้อมกระซิบบอกกับนางว่า “ใช่...นี่ข้าเอง..
ข้าเอง..” ก่อนจะประทับจุมพิตให้กับน้องสาว นางจะไม่ปล่อยให้เมธิสไปหาใครมาเป็นตัวแทนของนางอย่างนั้นอีกแล้ว...
ร่างสูงกอดรอบคอของอรชรผิวขาวเป็นที่ยึดเหนี่ยว
หอบหายใจจนตัวโยน ขณะที่กึ่งกลางร่างกายกำลังบีบรัดรอบนิ้วเรียวของอีกคนแน่น ไม่ช้าร่างยาวก็เกร็งอย่างหนัก
กุหลาบป่าหลั่งน้ำแห่งความสุขไหลออกมา ลำคอเปล่งเสียงครางลั่นด้วยความสุขสม “อะ..อะ..อ๊าาาาา!!!! ท่านพี่!!!”
ได้ยินเสียงครางของน้องร้องว่าถึงที่หมาย
ชารีนก็ทิ้งศีรษะลงเหนืออกสีน้ำผึ้ง นางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน หมดเรี่ยวแรงในที่สุด
ชารีนซุกจมูกเข้ากับลำคอหอมกรุ่น
เมธิสลูบเรือนผมของคนที่นอนคว่ำอยู่บนอก
ยังคงสับสนระหว่างความจริงกับความฝัน นางหยิกต้นขาของตน
เพ่งความรู้สึกถามใจว่าเจ็บหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าตื่นอยู่หรือเปล่า พอรู้สึกเจ็บก็คลี่ยิ้มออกมา
เพราะมันเป็นความจริงสินะ
ครั้งนี้มันถึงได้รู้สึกดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ...
.
.
.
หลังจากเกลียวพายุสวาทที่สองพี่น้องร่วมกันพัดโหมผ่านพ้นไป
ชารีนนอนลืมตาโพลง คิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง
“เมธิส ข้าขอถามอะไรบางอย่างกับเจ้าได้หรือเปล่า” นางเอ่ยถามคนที่นอนอยู่ข้างกาย อีกฝ่ายได้ยินก็ก้มลงมองคนในอ้อมแขนชารีนถามต่อ “เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้า
แต่ว่าตอนนั้น
เจ้าบอกกับข้าว่าที่เจ้าไม่อยากแต่งกับฟิลลิปเป็นเพราะเจ้าไม่ได้รักเขา
และเจ้ามีคนรักอยู่แล้ว คนคนนั้น...”
“คนคนนั้น ก็คือท่านพี่นั่นแหละ”
เหมือนเลือดถูกสูบฉีดเข้ามาเลี้ยงที่หัวใจดีเกินไป
หัวใจของชารีนเต้นผิดจังหวะ แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว เมธิสรักนางมาตลอดจริงๆ... แต่แล้วความรู้สึกผิดก็แล่นปลาบเข้ามาเมื่อชารีนคิดถึงความรู้สึกของเมธิสในยามนั้น
“ข้าขอโทษนะ.. เรื่องฟิลลิปน่ะ” นางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด กำลังจะกล่าวต่อ แต่เมธิสโพล่งตอบกลับมาราวสายฟ้าแลบ
“ข้าไม่อยากได้ยินชื่อของเขาจากปากของท่านอีก! ข้าไม่อยากได้ยิน!!
ท่านพี่...อดีตก็คืออดีต หลังจากคืนนี้พวกเราลืมเรื่องในอดีตกันไปเสียให้หมดเถิด”
เมธิสปล่อยแขนที่โอบชารีนอยู่แล้วเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้ชารีนเห็นว่าบัดนี้มีน้ำตาเอ่อคลออยู่บนดวงตาของนาง
“ข้าขอร้อง...” เสียงของเมธิสสั่นเครือ
ชารีนใจหาย
นางยื่นมือไปกุมมือของเมธิส
“...ก็ได้”
“แล้วเรื่องของเรา...” เมธิสเอ่ยด้วยความลังเล
หวั่นใจต่อคำตอบของคนที่นางรักหมดทั้งใจ “ข้ารักท่าน
แล้วท่านล่ะ...ท่านรู้สึกยังไงกับข้ากันแน่”
“ขอเวลาข้าคิดก่อนจะได้ไหม..”
ชารีนเห็นสีหน้าของเมธิส
ถึงได้รู้ว่าเพิ่งพูดสิ่งที่สิ้นคิดออกไป นางรีบอธิบาย
“เจ้าอย่าเพิ่งโกรธข้าสิ ข้าก็เพิ่งจะตกเป็นของเจ้าไปเองนะ” นางพูดก่อนจะเสสายตาไปทางอื่นอย่างเขินอาย
ในใจของนางยังคงเต็มไปด้วยความสับสน เสียงหวานเอ่ยต่อด้วยความกังวล “แต่ข้าแค่ไม่อยากพูดออกไปทั้งๆที่ข้ายังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตนเองจริงๆ
อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นพี่น้องคลานตามกันมา ข้ารักเจ้าเช่นน้องสาวน้องมาตลอด การจะมาแปรเปลี่ยนใจปุบปับภายในคืนเดียว
ข้าคิดว่ามันหาใช่ความรู้สึกที่แท้จริงหรอก เมธิส...เจ้ารอข้าได้ไหม”
“ได้..” สีหน้าและแววตาของเมธิสฉายความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
“ในตอนนี้ข้าได้รับโอกาสจากท่านแล้ว
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้ารู้สึกว่าข้ามีความหวัง ข้าจะไม่ยอมปล่อยมันผ่านไปแน่
ท่านจะต้องรักข้า...รักมากกว่าแบบน้องสาวในสักวันหนึ่ง”
ชารีนรู้สึกสะท้าน
นางชื่นชมและประทับใจในความรักอันมั่นคงที่เมธิสมีต่อนางยิ่งนัก
และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสาร...
แม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง
ก็ยังคิดหวัง
แม้จะรู้ว่าเป็นได้เพียงแค่ฝัน
ก็ยังรั้งจะฝันต่อไป
เมธิส...เจ้าช่างน่าสงสารจัง
“จริงๆแล้ว...ในทางปฏิบัติ ตอนนี้เราก็เป็นมากกว่าพี่น้องกันแล้วนะ..”
ราวกับว่าอีกคนจะไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้อย่างนั้นแหละ
แต่ชารีนเพียงเอ่ยออกไปเพราะอยากให้เมธิสรู้สึกดี
“แต่ข้าไม่อยากได้แค่ในทางปฏิบัติ ข้าอยากได้หัวใจท่านด้วย! และข้าจะพิชิตมันมาให้ได้!”
ชารีนอมยิ้มจนโหนกแก้มยกขึ้นสูง
แค่ได้ยินหล่อนเอ่ยออกมาเสียงดังอย่างนั้นโดยแทบไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิดก็รู้สึกว่ากำแพงหัวใจได้สั่นคลอนไปหลายส่วนแล้ว
“แล้วข้าจะรอ...”
ชารีนมอบรางวัลให้กับคำหวานและคำมั่นของเมธิสด้วยจุมพิตอันแสนดื่มด่ำและเนิ่นนาน...
______________________________________
อ่านนิยายเรื่องนี้ >>> The Fairest of Them All
THE DAG
#ฟิคFairest
ไม่มีความคิดเห็น:
ไม่อนุญาตให้มีความคิดเห็นใหม่